รายละเอียด :
|
เครือข่าย 20 องค์กรทางการศึกษา ประมวลเสียงสะท้อนจากประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้นำสู่เชิงนโยบาย 7 ข้อ ที่มีต่อกระบวนการ
สันติภาพ โดยให้มีการยกระดับการพูดคุยสันติภาพ การสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชน การกระจายอำนาจการปกครองตามอัตลักษณ์พื้นที่
ที่ไม่ใช่การปกครองรัฐอิสระ ตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้งบประมาณรัฐด้านการพัฒนาพื้นที่ ออกแบบระบบการศึกษาคำนึงถึง
อัตลักษณ์พื้นที่ เปิดพื้นที่ทางการเมือง และขจัดปัญหายาเสพติด อันเป็นประเด็นหลักเพื่อยุติความรุนแรงให้ได้ในระยะยาว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี หัวหน้าโครงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีต่อกระบวนการ
สันติภาพ และอาจารย์นักวิจัย สถาบันวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า เครือข่าย 20 องค์กรทางการศึกษา หรือ Peace Survey เป็นการทำงานร่วมกันของเครือข่าย 20 องค์กรที่มี
จุดยืนทางการเมืองที่หลากหลายจากทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้ที่มีต่อกระบวนการสันติภาพในด้านทัศนคติต่อสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่ สาเหตุของปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
ความพยายามในการแก้ปัญหาด้วยกระบวนการสันติภาพและข้อเสนอแนะต่อแนวทางปัญหาในอนาคต จำนวน 4 ครั้ง เริ่มตั้งแต่
เดือนกุมภาพันธ์ 2559 กันยายน 2561 จากประชาชนในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา รวม
6,321 คน พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 42.6 มีความคิดเห็นว่าสถานการณ์ยังเหมือนเดิม ร้อยละ 25.6 สถานการณ์ดีขึ้น และ
ร้อยละ 21.7 มีความคิดว่าสถานการณ์แย่ลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามาตรการแก้ปัญหาความขัดแย้งในชายแดนใต้ที่ผ่านมา ไม่สามารถ
เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในพื้นที่ให้ดีขึ้นได้ จึงให้เห็นความจำเป็นของการปรับนโยบายที่พรรคการเมืองควรต้องพิจารณา
จากการประมวลวิเคราะห์ผลการสำรวจดังกล่าวสามารถสรุปข้อเสนอ 7 ข้อที่มีต่อกระบวนการสันติภาพ คือ ประการที่ 1 ยกระดับการพูดคุย
สันติภาพให้เป็นแกนกลางในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชนทุกกลุ่ม ร้อยละ 64.4 มีความหวังว่าจะเกิดข้อตกลงสันติภาพ
ได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า ประการที่ 2 เร่งปกป้องพลเรือนจากความรุนแรงและการละเมิดสิทธิ โดยเห็นว่าการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในชุมชน
จะต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของพลเรือนเป็นอันดับแรกโดยเน้นพื้นที่สาธารณะ และยังต้องพิจารณาถึงกลไกการตรวจสอบ
ข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถืออีกด้วย ประการที่ 3 ทบทวนประสิทธิผลการแก้ปัญหายาเสพติดและเร่งตั้งกลไกพิสูจน์ข้อเท็จจริงเหตุรุนแรง
ซึ่งร้อยละ 70.9 เห็นว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญที่สุดจำเป็นต้องจัดการ หากต้องการยุติความรุนแรงให้ได้ในระยะยาว
ประการที่ 4 ตรวจสอบประสิทธิภาพการใช้งบประมาณรัฐด้านการพัฒนาพื้นที่ พบว่าคนในพื้นที่ยังคงมีรายได้น้อยแม้จะมีการใช้จ่าย
งบประมาณด้านการพัฒนาพื้นที่กว่า 1.3 แสนล้านบาท ตลอด 15 ปี ที่ผ่านมาจึงจำเป็น ต้องสะท้อนกลับถึงภาครัฐว่าการใช้จ่ายงบประมาณ
ด้านการพัฒนาของภาครัฐที่ผ่านมานั้น มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่เพียงใด ประการที่ 5 ออกแบบ
ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและสะท้อนวิถี อัตลักษณ์วัฒนธรรม ที่นอกจากจะต้องคำนึงถึงคุณภาพการศึกษาแล้ว ยังต้องยอมรับ
อัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่หลากหลายโดยรัฐอย่างเป็นรูปธรรมด้วย ประการที่ 6 การกระจายอำนาจมากขึ้นด้วยโครงสร้างการปกครอง
ที่มีลักษณะเฉพาะของพื้นที่ มีประชาชนร้อยละ 29.2 ไม่เห็นด้วยกับรูปแบการปกครองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ร้อยละ 45.8 ไม่เห็นด้วย
กับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองรัฐอิสระ แต่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจตามลักษณะเฉพาะของพื้นที่มากที่สุด และประการที่ 7
เปิดพื้นที่ให้คนได้ถกเถียงเรื่องอ่อนไหวทางการเมืองโดยไม่ถูกคุกคามจาก ทุกฝ่าย จึงจำเป็นที่จะต้องมีพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดง
ความคิดเห็นอย่างเสรีโดยไม่ถูกคุกคาม ยิ่งมีพื้นที่มากขึ้นเท่าไร ยิ่งทำให้มีทางเลือกที่หลากหลาย ที่จะทำให้เกิดการถกเถียงอันนำมาสู่
ข้อสรุปที่สอดคล้องกับความจริงมากขึ้น
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมาทั้งภาครัฐ เอกชน
ตลอดจนกลุ่มขบวนการต่างกล่าวย้ำมาตลอดว่าคำตอบอยู่ที่ประชาชน เครือข่าย Peace Survey พยายามที่จะสะท้อนเสียงของ
ประชาชนที่อยู่บนพื้นฐานหลักวิชาการอย่างเป็นระบบ โดยปราศจากความอคติ ดังนั้นผลมาจากการสำรวจความคิดเห็นประชาชน
ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในครั้งนี้ นำมาซึ่งข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ นับว่าเป็นพัฒนาการทาง
ความคิดของประชาชนในพื้นที่ อันเป็นหลักพื้นฐานของสันติภาพและประชาธิปไตย ส่งผลให้ผู้เกี่ยวข้องได้มีข้อมูลทางวิชาการที่
สะท้อนเสียงความต้องการของประชาชนเพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นการสร้างและขยายพื้นที่ทางการเมืองให้ประชาชนบน
พื้นฐานของความเที่ยงตรงน่าเชื่อถือในการวิจัย
********************************
|