รายละเอียด :
|
คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับนักวิชาการในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นักวิชาการจากกรมประมง
และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมการเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ของประเทศ สู่เมืองปูทะเลโลก
โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณร่วม 14 ล้านบาท
รองศาสตราจารย์ ดร.ซุกรี หะยีสาแม คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ชี้แจงว่า
ปูทะเลเป็นปูที่มีชื่อเรียกทั่วไปว่า ปูดำ ปูเขียว ปูขาว หรือปูทองหลาง เป็นสัตว์น้ำที่มีศักยภาพสูงมากที่จะพัฒนาเป็นสัตว์เศรษฐกิจ
ชนิดใหม่สำหรับรองรับการพัฒนาประเทศในอนาคต เนื่องจากมีราคาสูง เลี้ยงง่าย โตเร็ว รูปแบบการเลี้ยงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตลาดทั้งในและต่างประเทศมีความต้องการปริมาณสูง นิยมบริโภคทั้งในรูปของปูเนื้อ ปูไข่ และปูนิ่ม โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศจีน
สิงคโปร์ ฮ่องกง และไต้หวัน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดความพยายามทำการประมงทะเลในหลากหลายรูปแบบ เช่น การจับ
ปูทะเลขนาดเล็กมาขุนเป็นปูเนื้อ ปูไข่ หรือเลี้ยงเป็นปูนิ่ม เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอสำหรับป้อนสู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ
และจากการที่ประเทศไทย มีองค์ประกอบที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำเอาปูทะเลเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ในสร้างระบบเศรษฐกิจ
ขึ้นใหม่
ดังนั้น การศึกษาวิจัยอย่างจริงจัง โดยบูรณาการความเชี่ยวชาญระหว่างนักวิชาการจากมหาวิทยาลัย กรมประมง และกรมทรัพยากร
ทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อต่อยอดจากความรู้เดิมของนักวิชาการของประเทศไทยในรูปแบบของการวิจัยแบบมีส่วนร่วมกับชุมชนและ
ผู้ประกอบการ ที่มีพื้นที่ทำงานและรูปแบบการทำงานที่ชัดเจน มีการนำเทคโนโลยีจากประเทศเวียดนาม ที่ประสบความสำเร็จสูงมา
ปรับใช้กับความรู้ทางวิชาการของประเทศไทย การสร้างผู้เชี่ยวชาญเรื่องปูทะเลสำหรับรองรับการพัฒนาในอนาคต เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง
ที่จะต้องดำเนินการควบคู่กัน อ่าวปัตตานี นับว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปูทะเลและการสร้าง
อุตสาหกรรมต่อเนื่องอย่างครบวงจร โดยเป็นพื้นที่ต้นแบบสำหรับการพัฒนาการเพาะเลี้ยงปูทะเลในระยะแรก อีกทั้งการพัฒนา
ทางเศรษฐกิจ โดยใช้ปูทะเลยังจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ผ่านการพัฒนาทางเศรษฐกิจชุมชน ก่อนที่จะ
ขยายไปยังพื้นที่ชายฝั่งอื่น ๆ ของประเทศต่อไป อันจะสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลให้แก่ประเทศในอนาคต โดยคาดว่า
ปูทะเลจะสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ภายในไม่เกิน 5 ปี ซึ่งการศึกษาวิจัยดังกล่าว จะเป็นการพัฒนานวัตกรรม
การเลี้ยงปูทะเลให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจใหม่ของประเทศสู่เมืองปูทะเลโลก
จากการที่ประเทศไทย มีองค์ประกอบที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำเอาปูทะเลเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจตัวใหม่ ในการสร้างระบบเศรษฐกิจขึ้นใหม่
ทดแทนรายได้ที่สูญเสียจากการลดลงของสัตว์น้ำที่จับได้จากธรรมชาติและรายได้จากการเพาะเลี้ยงกุ้งทะเล เนื่องจากมีสภาพแวดล้อมที่
เหมาะสม เกษตรกรมีประสบการณ์เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ มาก่อนที่สามารถปรับใช้ได้และพื้นที่มีศักยภาพสำหรับใช้ในการเพาะเลี้ยง
เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่นากุ้งร้างที่ประเทศไทย มีอยู่ถึงประมาณหนึ่งแสนไร่ โดยเป็นนากุ้งร้างในพื้นที่จังหวัดปัตตานี กว่า
25,000 ไร่ ที่สามารถพัฒนามาเป็นบ่อเลี้ยงปู และจากการที่ปูทะเลเป็นสัตว์น้ำที่ต้องใช้วิธีการเพาะเลี้ยงในระบบพึ่งพาธรรมชาติ
ส่งเสริมการสร้างระบบนิเวศชายฝั่งโดยเฉพาะบริเวณป่าชายเลนมากกว่าการทำลายป่า ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอย่างยิ่ง
ดังนั้น จึงได้รับการสนับสนุนในหลักการจากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการสร้างโรงเพาะฟักและวิจัยปูทะเล
ณ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในวงเงินประมาณ 10 ล้านบาท และได้รับ
การพิจารณางบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย อีกร่วม 4 ล้านบาท เพื่อวิจัยพัฒนาเทคนิคและวิธีการพัฒนา
แม่พันธุ์ปูทะเล การเพาะลูกปู และการอนุบาลลูกปู สร้างต้นแบบสำหรับการอนุบาลลูกปูระยะต่าง ๆ ที่เหมาะสมบริเวณอ่าวปัตตานี
และพื้นที่ใกล้เคียง สร้างต้นแบบสำหรับฟาร์มเลี้ยงปูเนื้อและปูไข่โดยใช้นากุ้งร้าง โดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกร ชาวประมง และ
การถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังบุคคลเป้าหมายที่สนใจ
*******************************
|