จากกรณีเหตุการณ์ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ขอความร่วมมือให้เลื่อนการจัดการเสวนาวิชาการของกลุ่มเครือข่ายประชาชนชายแดนใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ (PERMATAMAS) เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา และได้มีการรายงานข้อมูลจากผู้จัดการเสวนา โดยระบุว่าได้มีนายทหารระดับสูงเข้าพบ
รองศาสตราจารย์ ดร.ชูศักดิ์ ลิ่มสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และอธิการบดีได้แจ้งคณะวิทยาการสื่อสาร ซึ่งเป็น
ผู้อนุญาตการขอใช้สถานที่ให้ยกเลิกการเสวนาดังกล่าวนั้น
        ม.อ.ปัตตานี และคณะวิทยาการสื่อสาร ขอชี้แจงให้ทราบว่า ในความเป็นจริงไม่ได้มีนายทหารระดับสูงเข้าพบอธิการบดี และอธิการบดีมิได้ขอให้มีการยกเลิกการใช้สถานที่ เพียงแต่ได้แสดงความกังวลใจต่อชื่อของการเสวนาที่สื่อความหมายรุนแรง อย่างไรก็ตาม ได้มีฝ่ายความมั่นคงได้ประสานงานมายังผู้บริหารวิทยาเขตปัตตานี โดยแสดงความกังวลใจต่อการจัดการเสวนาดังกล่าว และขอให้วิทยาเขตปัตตานีประสานกับผู้จัดการเสวนาเพื่อขอความร่วมมือให้มีการเปลี่ยนชื่อการเสวนา
ม.อ.ปัตตานี และคณะวิทยาการสื่อสาร ได้มีการประเมินผลกระทบและปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ร่วมกันและเห็นพ้องกันว่า เพื่อการรักษาให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ดำรงความเป็น "พื้นที่กลาง" เพื่อการสื่อสารที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการธำรงรักษาไว้ และเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น จึงได้ประสานงานไปยังผู้จัดงานเพื่อขอความร่วมมือให้เลื่อนการจัดการเสวนาดังกล่าวออกไปก่อน รวมทั้งพิจารณาปรับชื่อการเสวนาที่มีการสื่อสารความหมายเชิงลบ ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนใต้ในภาพรวม
        ท่ามกลางความขัดแย้งในมิติต่าง ๆ ของสังคม ม.อ.ปัตตานีขอแสดงจุดยืนในการเป็น “พื้นที่กลาง” ในกระบวนการสันติภาพโดยไม่เลือกข้าง เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้ที่มีบทบาทเป็น "คนกลาง" ได้หยิบยกประเด็นความขัดแย้งหรือประเด็นอ่อนไหวสู่วงพูดคุยให้มากขึ้น และเพื่อเปิดโอกาสในการค้นหาแนวทางก้าวพ้นความขัดแย้งในวิถีที่ไม่ใช้ความรุนแรง และมุ่งมั่นร่วมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมที่พร้อมยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม ความคิด และอุดมการณ์
         ม.อ.ปัตตานี จึงขอปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบไม่ว่าจะจากฝ่ายใดและขอเรียกร้องให้ผู้ที่ต้องการใช้ “พื้นที่กลาง” แห่งนี้ทุกฝ่าย ได้ร่วมรักษายึดมั่นหลักการสำคัญดังกล่าวร่วมกัน ในการข้ามผ่านความขัดแย้งของสังคมในทุกมิติ รวมทั้งร่วมกันยกระดับและสร้างคุณค่าของการเปิด “พื้นที่กลาง” ของมหาวิทยาลัยให้มีบทบาทในการเอื้อให้ทุกฝ่ายได้มีพื้นที่มีเสรีภาพและเป็นพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น เสนอความต้องการ หรือเสนอทางออกของปัญหาในประเด็นสาธารณะอย่างแท้จริง และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนให้ ม.อ.ปัตตานี สามารถทำหน้าที่เป็น “พื้นที่กลาง” ได้ตามปณิธานของชาวมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ทุกคน คือ “การถือประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง”
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
                                                                     22 มิถุนายน 2559