สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก กรมหลวงสงขลานครินทร์ พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันไทย เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 69 ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และสมเด็จพระศรีสวรินทิราพระบรมราชเทวี สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงพระราชสมภพในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 1 มกราคม พุทธศักราช 2434
สมเด็จพระบรมราชชนก ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระธิดาและพระโอรส 3 พระองค์คือ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ด้านการศึกษา ในปี พ.ศ. 2448 ได้ทรงเข้าเป็นนายร้อยทหารบก ในปีเดียวกันได้ทรงไปศึกษา ณ โรงเรียนมัธยมประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นได้ทรงศึกษาวิชาทหารและวิชาทหารเรือขั้นสูง ณ ประเทศเยอรมัน ขณะทรงศึกษาในปีสุดท้ายทรงชนะการประกวดออกแบบเรือดำน้ำ หลังจบการศึกษาหลักสูตร 4 ปีแล้ว ได้ทรงเข้าปฏิบัติงานเป็นนายทหารในราชนาวีเยอรมัน เป็นเวลา 3 ปี ในปี 2458 ได้ทรงเสด็จนิวัติประเทศไทยและเข้ารับราชการในกองทัพเรือเป็นเวลา 9 เดือน ก็ทรงลาออกเนื่องจากทรงพบอุปสรรคในการพัฒนากองทัพเรือไทยให้เหมาะสม
ในขณะที่ทรงลาออกนั้น ได้รับทราบถึงความขาดแคลนต่างๆ ในด้านการแพทย์และการให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วย จึงทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษา เช่น ทรงส่งบุคคลไปศึกษาวิชาการแพทย์และพยาบาล ณ ต่างประเทศ โดยทุนส่วนพระองค์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2460 จนเสด็จทิวงคต
เมื่อพระราชทานทุนการศึกษาส่วนพระองค์นั้น ทรงมีพระราชดำรัสว่า เงินที่ฉันได้ใช้ออกมาเรียนหรือให้
พวกเธอออกมาเรียนนี้ ไม่ใช่เงินของฉัน แต่เป็นเงินของราษฎรเขาจ้างให้ฉันออกมาเรียน ฉะนั้นเธอต้องตั้งใจเรียนให้ดีให้สำเร็จ เพื่อจะได้กลับไปทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ และขอให้ประหยัดใช้เงินเพื่อฉันจะได้มีเงินเหลือไว้สำหรับช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป และพระราชดำรัส ที่ทรงประทานให้กับนาย์สวัสดิ์ แดงสว่าง
( ศาสตราจารย์นายแพทย์สวัสดิ์ แดงสว่าง ) นักเรียนทุนพระราชทานว่า "ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพย์ไว้ให้บริสุทธิ์ "
จากความสนพระทัยในวิชาการแพทย์ พระองค์ได้เข้าศึกษาวิชาสาธารณสุขจากประเทศอังกฤษ ตลอดจนศึกษาวิชาสาธารณสุข และวิชาการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ และทรงได้รับปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิต เกียรตินิยม เมื่อปี พ.ศ. 2471 และในปีเดียวกันก็ได้เสด็จนิวัติประเทศไทยและมีพระราชประสงค์
จะทำหน้าที่แพทย์ ณ โรงพยาบาลศิริราช แต่ทางการไม่อาจสนองพระราชประสงค์ได้ เพระเกี่ยวฐานันดรศักดิ์ ของพระองค์และพระราชประเพณี จึงทรงไม่พอพระทัยที่จะอยู่เฉย ๆ โดยไม่ได้ทำประโยชน์ จึงมีพระดำรัสว่า โดยความจงรักภักดีของฉันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉันไม่สามารถจะรับหน้าที่ใด ๆ ของรัฐบาล เพียงแต่รับเครื่องประดับและรับเงินเดือนสำหรับการทำเช่นนั้น ถ้าเรื่องเป็นเช่นนั้นฉันรู้สึกว่า
ฉันควรจะออกจากหน้าที่นั้นดีกว่า และให้ราชการที่ควรจะทำหน้าที่และเป็นที่ต้องการ ได้รับเงินเดือนมากกว่าฉันเข้าทำแทน
ดังนั้นจึงทรงเปลี่ยนความตั้งพระทัยเสด็จไปปฏิบัติหน้าที่แพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลแมคคอมิค จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่ทางโรงพยาบาลกราบทูลอัญเชิญมา ทรงมีมหาดเล็กรับใช้เพียงคนเดียว ทรงใช้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลและปฏิบัติพระองค์เยี่ยงแพทย์ธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง ไม่โปรดให้แพทย์ พยาบาล หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ผู้ปฏิบัติงานร่วมกับพระองค์ประพฤติต่อพระองค์เยี่ยงเจ้านาย
ผู้สูงศักดิ์ ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างสามัญชน เวลาจ่ายใบสั่งยาก็ทรงลงพระปรมาภิไธยคล้ายสามัญชนว่า มหิดลสงขลา
แม้ว่าพระสุขภาพจะไม่ดีนัก แต่ก็ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอันมากกับการที่มีโอกาสเป็นหมอได้อย่างเต็มที่ ในช่วงระยะเวลาไม่นานก็มีกิตติศัพท์แพร่หลายไปทั่วไปว่า มีแพทย์เป็นเจ้าฟ้ามาทรงปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลแมคคอมิค ผู้ป่วยไข้ที่มารับการตรวจบำบัดโรคที่โรงพยาบาลในครั้งนั้น ขนานนามพระองค์ท่านว่า หมอเจ้าฟ้า
สมเด็จพระบรมราชชนกมีโอกาสประทับที่เชียงใหม่ ให้ผู้คนชาวเชียงใหม่ได้ชื่นขมในพระกรุณา
ในชั่วเวลาไม่ถึงเดือน ก็ต้องเสด็จกลับกรุงเทพฯ เพราะทรงประชวร จนถึงวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2472
ก็เสด็จทิวงคต รวมพระชนม์มายุได้ 37 ปี 8 เดือน กับ 23 วัน เนื่องจากพระปับผาสะ มีน้ำคั่ง
และพระหทัยวาย นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์ไทย ดังนั้นวันที่ 24 กันยายน จึงเรียกกันว่า วันมหิดล
แม้ว่าสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ได้เสด็จทิวงคตไปแล้วกว่า 80 ปี แต่พระราชดำรัสของพระองค์ท่านที่ว่า ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์ และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์
ก็ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวใจของปวงชนมิรู้คลาย
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่าน ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์สุขของผู้อื่นตลอดพระชนม์ชีพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ จึงได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันมหิดลเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ได้กำหนดจัดกิจกรรมวันมหิดล เมื่อวันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2554 ซึ่งมีกิจกรรมประกอบด้วย การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ถวายภัตตาหารเช้า พิธีวางพวงมาลาการแข่งขันกีฬาห้าพี่น้องเกมส์
2554 ระหว่าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด (บ้านปากน้ำ) จังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี
(ชมภาพได้ที่เว็บไซต์ http://pr.pn.psu.ac.th/picturebank/day/psu-mahidol2554/mahidol54.html)
****************************************
|