รายละเอียด :
|
นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รับรางวัลถ้วยพระราชทาน
สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สาขาเทคโนโลยี จากผลงาน
รองเท้าวัว จากการชนะเลิศในโครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) ครั้งที่ 8 Thailand Innovation
Awards 2008 เมื่อวันที่ ๑๘ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ ณ ลานปาฐกถาประดิษฐ์ เชยจิตร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
โดยนำเสนอนวัตกรรมสำหรับใช้รักษาอาการเจ็บขาของโคนม ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ และส่งเสริมการค้า
ภายในประเทศ ทำให้ต้นทุนการผลิตนมวัวลดลง ส่งผลให้ลดการขาดทุนในการคัดโคนมที่เป็นโรคกีบเท้าอักเสบ
ออกได้เป็นมูลค่า ๓๐,๐๐๐ ๔๐,๐๐๐ บาท ต่อ ๑ ตัว ทั้งเป็นการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติให้เกิดวิถีแห่งความพอเพียง
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่เน้นให้
นักศึกษายึดแนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะในสาขาภาควิชาเทคโนโลยี
ที่เน้นให้นักศึกษาในสาขาวิชาได้ผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมานำเสนอและพัฒนาโดยเน้นการผลิตผลงานที่สามารถ
จัดหาวัสดุที่มีในท้องถิ่นและมีต้นทุนต่ำ ซึ่งล่าสุดคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ส่งผลงาน รองเท้าวัว
สำหรับใช้รักษาอาการเจ็บขาของโคนม เข้าประกวดในโครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) ครั้งที่ ๘
Thailand Innovation Awards 2008 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวง
นราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ ๑๘ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๑ ณ ลานปาฐกถาประดิษฐ์ เชยจิตร มหาวิทยาลัยสงขลา
นครินทร์ ในการประกวดครั้งนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดทั้งสิ้น ๑๑ ผลงาน จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี วิทยาเขตหาดใหญ่ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี และมหาวิทยาลัย
ราชภัฏสงขลา ในสาขาวิทยาศาสตร์ ๕ ผลงาน สาขาเทคโนโลยี ๓ ผลงาน สาขาปิโตรเคมี พอลิเมอร์ และเชื้อเพลิง
ทดแทน ๓ ผลงาน โดยผู้นำเสนอผลงานรองเท้าวัวคือ นายสิชล ศิลปวัฒนวงศ์ และนายเยี่ยมพล นัครามนตรี นักศึกษา
สาขาวิชาเทคโนโลยียาง ชั้นปีที่ ๓ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
นายสิชล ศิลปวัฒนวงศ์ นักศึกษาสาขาวิชาเทคโนโลยียาง ชั้นปีที่ ๓ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตานี เจ้าของผลงานรองเท้าวัว สำหรับใช้รักษาอาการเจ็บขาของโคนม กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการผลิตรองเท้าวัว
ว่า การผลิตอุปกรณ์รองเท้าวัว มีวัตถุประสงค์ ๒ ประการ คือ ประการแรกประโยชน์ในระดับประเทศ ถือเป็นการลด
การนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ และนำวัสดุที่อยู่ในประเทศมาแปรรูปให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อเกษตรกรจะสามารถ
จัดหาซื้ออุปกรณ์รักษาโรคเท้าวัวอักเสบได้ง่าย ซึ่งมีผลต่อการเพิ่มผลผลิตปริมาณน้ำนมของโคนม ส่วนประการที่สอง
ในด้านของสัตว์แพทย์ผู้รักษานั้น สามารถหาซื้อเครื่องมือในการรักษาโรคกีบเท้าวัวอักเสบได้ง่ายในต้นทุนต่ำ และ
รักษาวัวที่เป็นโรคได้อย่างทั่วถึง เพราะผลงานวิจัยในปัจจุบันพบว่า อาการกีบเท้าอักเสบของวัวเกิดขึ้น ๕๕ % กับ
จำนวนวัวทั้งหมดในประเทศ ๔ แสนตัว การแก้ปัญหาโดยการสั่งอุปกรณ์การรักษาจากต่างประเทศมาใช้นั้น มีต้นทุน
สูงมากใช้ได้กับฟาร์มโคนมที่มีขนาดใหญ่เพราะต้องสั่งมาเป็นจำนวนครั้งละมาก ๆ ทำให้ฟาร์มที่มีขนาดเล็กไม่มี
กำลังพอที่จะลงทุน ประการที่สำคัญที่สุดคือ สาขาวิชาฯ ต้องการที่จะปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามแนว
พระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประสงค์ให้ชาวไทยมีความเป็นอยู่อย่างพอเพียงไม่เกินตัว
สิ่งใดสามารถผลิตใช้ร่วมกันในประเทศได้โดยไม่ต้องอาศัยสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ก็เป็นการดี ซึ่งในการผลิต
อุปกรณ์รองเท้าวัวชิ้นนี้ผลิตจากยาพารา ซึ่งเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่นของเราเอง
ด้านนายเยี่ยมพล นัครามนตรี หนึ่งในผู้ร่วมผลิตผลงานรองเท้าวัว กล่าวถึงสาเหตุของการผลิตรองเท้าวัวว่า
ฟาร์มโคนมในปัจจุบันนิยมให้อาหารโคนมด้วยอาหารข้นเพื่อเร่งน้ำนม เมื่อโคกินเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดกรดเกิน
ในเส้นเลือดระหว่างเนื้อเยื่อกีบเท้าวัว ทำให้เกิดการอักเสบของกีบเท้า ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับโคนมเป็นประจำ
และอีกปัญหาหนึ่งคือการเลี้ยงโคในฟาร์มที่มีพื้นเป็นปูนซีเมนต์ จะทำให้โคไม่สามารถกระจายน้ำหนักตัวได้ทั่วถึง
ทำให้เกิดอาการอักเสบของกีบเท้าได้ง่ายและปัจจุบันนี้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงมีนโยบายให้เพิ่มปริมาณ
ของผลิตภัณฑ์โคนมเพิ่ม ทำให้จำเป็นต้องใช้สารอาหารข้นเพื่อเร่งน้ำนมวัวให้มากขึ้น เมื่อกีบเท้าเกิดอาการอักเสบ
วัวจะไม่เคลื่อนไหวเพราะปวดเท้า ปัญหาที่ตามมาทำให้ปริมาณนมลดลง เกษตรกรต้องคัดเอาโคออก ซึ่งคิดเป็นเงิน
๓๐,๐๐๐ ๔๐,๐๐๐ บาทต่อ ๑ ตัว ทำให้ขาดทุนส่งผลต่อรายได้ในแต่ละวัน ซึ่งรองเท้าวัวเป็นวิธีการที่ใช้รักษา
อาการกีบเท้าอักเสบกันมานาน แต่ในเมืองไทยไม่มีอุปกรณ์ที่จะรักษา ถ้ามีก็จะเป็นอุปกรณ์ของสัตวแพทย์ที่ทำ
จากไม้ ไม่สามารถกระจายแรงเพราะว่าไม้ไม่มีความยืดหยุ่นเหมือนกับยางพารา ภาควิชาเทคโนโลยียางและ
พอลิเมอร์ จึงคิดวิธีการรักษาโดยปรับเปลี่ยนจากวัสดุที่ทำด้วยไม้เป็นยางพารา ซึ่งปัจจุบันในฟาร์มใหญ่ ๆ
จะสั่งซื้ออุปกรณ์ชนิดนี้มาจากต่างประเทศ เพราะมีประสิทธิภาพดี ถ้ารวมค่าภาษีทั้งหมด คิดเป็นเงินข้างละ ๑,๕๐๐ บาท
ซึ่งเป็นราคาต้นทุนที่สูงเกิน ๑๐ เท่า เมื่อเทียบกับราคาที่เราสามารถผลิตใช้เองภายในประเทศ
นายเยี่ยมพล นัครามนตรี ยังอธิบายถึงขั้นตอนการทำรองเท้าวัวจากยางพาราโดยสังเขป ว่า ขั้นแรกให้นำ
ยางพาราจากธรรมชาติมาผสมกับสารเคมีตามลักษณะที่ต้องการ สารที่ใส่เข้าไปจะส่งผลต่อความแข็ง ความนุ่มยืดหยุ่น
สีของยาง เราสามารถปรับเปลี่ยนได้โดยใส่สารเคมี จากนั้นนำเข้าเครื่องบดผสมยาง และนำไปขึ้นรูปอัดเบ้ายางรูป
รองเท้าโดยใช้ความร้อนและอุณหภูมิตามที่กำหนด ซึ่งสาเหตุที่ต้องผลิตเป็นรูปรองเท้าเพราะในการใช้นำไปใช้นั้น
จะใส่กับกีบเท้าวัวข้างที่ไม่อักเสบ เพื่อให้ข้างที่อักเสบไม่สัมผัสกับพื้น เพราะธรรมชาติของวัว เวลาเกิดอาการอักเสบ
จะอักเสบเพียงกีบข้างใดข้างหนึ่งของเท้าเท่านั้น โดยก่อนที่จะนำมาใช้จริงภาควิชาฯ ได้มีการทดลองใช้กับโคนมที่
บริษัท เคเคเค แดรี่ฟาร์ม จำกัด จังหวัดสระบุรี ในระยะเวลา ๒ สัปดาห์ ผลปรากฏว่าปริมาณน้ำนมโคที่ลดลงได้เพิ่ม
ปริมาณขึ้นเท่าเดิม จากผลความสำเร็จครั้งนี้เราจึงคาดหวังว่าในอนาคตเราจะมีผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ใช้ภายในประเทศ เพื่อให้ได้
ราคาต้นทุนที่ต่ำ ฟาร์มขนาดเล็กสามารถที่จะหาซื้ออุปกรณ์มาใช้ได้และถ้าราคาอุปกรณ์ถูกลง แนวโน้มผลิตภัณฑ์
ที่ทำจากนมโคก็จะถูกลงด้วยและคาดหวังว่าเราจะส่งออกผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ผลิตภายในประเทศด้วยคุณสมบัติที่ดีกว่า
ผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศ
เจ้าของผลงานรองเท้าวัวทั้งสองยังได้ฝากถึงเยาวชนรุ่นต่อไปว่า ถ้ามีแนวคิดดี ๆ เชิงสร้างสรรค์ให้กล้าที่จะ
แสดงออกและนำเสนอผลงานสู่สาธารณชน ก้าวสู่เวทีโลกอย่างภาคภูมิใจ
**********************************
|