มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สำคัญของประเทศ
มีพันธกิจที่จะต้องกระจายโอกาสทางการศึกษาสู่ภาคใต้ เพื่อยกระดับมาตรการศึกษาในท้องถิ่น สนับสนุน
การพัฒนาภูมิภาคให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและมีความเป็นเลิศ สามารถตอบสนองความต้องการของภาคใต้
อย่างแท้จริง ตลอดระยะเวลา 36 ปี ที่มหาวิทยาลัยปฏิบัติหน้าที่ตอบสนองพันธกิจที่รับมอบหมาย สามารถ
กระจายโอกาสทางการศึกษาให้แก่นักเรียนใน 14 จังหวัดภาคใต้ ตอบสนองความต้องการของชุมชนในท้องถิ่น
โดยเฉพาะการช่วยพัฒนาชุมชนที่ด้อยโอกาส แสวงหาความรู้ในเชิงแก้ปัญหาของท้องถิ่น ทำวิจัยเกี่ยวกับภาคใต้
และรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ รวมทั้งผลิตบัณฑิตเพื่อตอบสนองการพัฒนาภาคใต้ โดยบัณฑิตเหล่านี้
มากกว่าครึ่งหนึ่งได้งานทำทั้งภาคเอกชน ภาคราชการในท้องถิ่นภาคใต้
ปัจจุบันสังคมคาดหวังที่จะเห็นผลงานทางวิชาการของมหาวิทยาลัยปรากฏต่อสายตาของประชาชน
มากขึ้น คาดหวังที่จะให้มหาวิทยาลัยมีบทบาทช่วยสร้างความเข้มแข็งและความมั่นคงในชุมชน มหาวิทยาลัยจึงเห็น
ความจำเป็นในการที่จะสื่อให้สังคมเข้าใจและรับรู้ภารกิจของมหาวิทยาลัยมากขึ้นด้วยการจัด งาน ม.อ. วิชาการ
(PSU OPEN WEEK 2004) เมื่อวันที่ 2 4 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยให้มีกิจกรรมหลายรูปแบบในการที่จะ
สื่อสารกับสังคมและชุมชนต่าง ๆ ตามแผนกลยุทธ์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ 25442549 เป้าประสงค์ที่ 3
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จะกระจายโอกาสและความเสมอภาคทางการศึกษาและจะเป็นสถาบันเพื่อการเรียนรู้
ตลอดชีวิต
ผศ. ดร. อำภา บุญช่วย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตานี กล่าวว่าการจัดงาน ม.อ. วิชาการ ในปี 2547 จัดขึ้นในหัวข้อ เทิดไท้ 72 พรรษา มหาราชินี
เกื้อวิถีถิ่นใต้ สงขลานครินทร์ก้าวไกล นำปัญญาไทยสู่สากล เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระเกียรติพระชนมพรรษา 72 พรรษา เพื่อความเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
ความเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ ประกอบกับเพื่อการพัฒนาและแก้ปัญหาของภาคใต้ ซึ่งถือเป็นการเปิดโอกาสให้
ชุมชนได้ประจักษ์ถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยในด้านต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลงานวิจัย ผลงาน
วิชาการ การบริการวิชาการ การคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ การเผยแพร่วิทยาการและเทคโนโลยี และการส่งเสริม
ศิลปะและวัฒนธรรม ซึ่งมหาวิทยาลัยได้นำเสนอผลงานในรอบ 36 ปี ประกอบด้วยตลาดนัดหลักสูตรอุดมศึกษา
ทั้งในประเทศและต่างประเทศ การประชุมวิชาการเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยที่เด่นในรอบปี เช่น การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับ
อ่าวปัตตานี การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทัศนคติที่มีต่อตำรวจของชาวไทยมุสลิม
ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การศึกษากลไกการแห้งของฟองยางธรรมชาติ เป็นต้น การออกร้านหนึ่งตำบล
หนึ่งผลิตภัณฑ์จากชุมชน การจำลองสถานการณ์จริงและตัวอย่างที่ดีให้นักเรียนและผู้ชมงาน เช่น ศาล โรงเรียน
ในฝัน การแต่งกายชุดประจำชาติต่าง ๆ นอกจากนี้ ม.อ. วิชาการ ในปี 2547 ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสและการแสดง
หาคำตอบต่อสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น การสัมมนาระดับชาติทางอิสลามเรื่องศาสนาและสันติภาพ :
หลักการแนวคิดและการประยุกต์ใช้ในสังคมโลก การเสวนาเรื่องแนวทางสู่สันติประชาธรรม : มุมมองของชาวบ้าน
ต่อสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ การเสวนาเรื่องแลใต้ มุมมองวิชาการต่อสถานการณ์ภาคใต้ เป็นต้น
ผลงานที่นำเสนอในครั้งนี้จะส่งผลให้มหาวิทยาลัยมีความใกล้ชิดและเกิดสัมพันธภาพอันดีกับชุมชนมากขึ้น
แท้จริงแล้วงาน ม.อ. วิชาการ ที่วิทยาเขตปัตตานี มีความหลากหลายและน่าสนใจ สามารถเป็นแหล่ง
ความรู้แก่นักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้อย่างดีเลิศ เป็นโครงการที่ให้ความรู้และมีประโยชน์แก่ชุมชนมาก สามารถ
เป็นแหล่งฝึกฝนให้ตนเองได้รับประสบการณ์ในการปฏิบัติจริง และอยากให้มีกิจกรรมที่มีความรู้และสร้างสรรค์อย่างนี้
ทุก ๆ ปี และในปีนี้ตนเองยังได้มีส่วนร่วมในการผลิตผลงานจัดนิทรรศการภาพวาดในหัวข้องาน ศิลปกรรมน้อมใจ
เทิดไท้พระราชินี เพื่อเทิดพระเกียรติแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสครบรอบ 72 พรรษา
มหาราชินี นางสาวเขมาวดี เขมะศิริ นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
กล่าว
ด้วยความสำนึกแห่งการรับใช้ท้องถิ่นภาคใต้มาครบ 37 ปี มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการกระจาย
ความรู้สู่ชุมชนในรูปของการบริการวิชาการทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม รวมถึงการใช้บริการชุมชนใน
หลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต พัฒนาสังคม และสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่าง
ชุมชนและมหาวิทยาลัย เพื่อให้สถาบันแห่งนี้เป็นที่พึ่งทางวิชาการของชุมชนอย่างแท้จริง โดยที่มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้ประกาศส่งเสริมความเป็นเลิศทางด้านอิสลามศึกษาและยางพารา ซึ่งเป็น
สาขาที่จำเป็นต่อความเข้มแข็งของภูมิภาคและการพัฒนาประเทศ เพราะตระหนักว่าความสำเร็จที่แท้จริงไม่ได้
อยู่ที่การเรียนรู้เท่านั้น แต่อยู่ที่การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์มากที่สุด
**************************************
|