คำกล่าวของนายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ จุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการกลางอิสลาม
แห่งประเทศไทย ทางรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2547
เวลา 12.00 น.
จากเหตุการณ์เมื่อวานนี้ที่มีกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านมอง
สถานการณที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
ผมรู้สึกวิตกกังวล เพราะความสงบของชาติบ้านเมืองนั้นเป็นที่ปรารถนาของคนไทยทุกคน
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นผมไม่สลายใจ เพราะมีกลุ่มบุคคลซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น คนเหล่านี้
ได้จู่โจมพร้อมกันถึง 12 แห่ง แล้วเข้าโจมตีสถานที่ราชการ แต่เป็นเดชะบุญที่ ราชการไหวทัน
จึงสามารถป้องกันได้ แต่สิ่งที่ผมหนักใจอย่างยิ่งก็คือว่า ผู้ก่อการร้ายนี้หลบเข้าไปในมัสยิด
กรือเซะ ความเป็นจริงนั้น มัสยิดเป็นบุญสถาน ทุกศาสนา ไม่วัด หรือโบสถ์คริสต์ หรือมัสยิด
ควรจะเป็นที่ที่บุคคลเข้าไปทำตนให้อยู่ในศีลในธรรม ในความเป็นคนที่มีธรรมมะ คนร้ายกลับใช้
สถานที่นั้นไปใช้เป็นที่ป้องกันตนเอง จึงเป็นสาเหตุให้ทางราชการต้องคิดหนัก
อย่างไรก็ตาม ข้าราชการไม่ได้บุ่มบ่าม เพราะได้รอเวลาหลายนาทีตลอดจนยิงแก๊สน้ำตา
เข้าไปหรือพูดเข้าไป แต่แทนที่จะได้ รับผลตอบแทนจากผู้ก่อการ กลับยิงตอบมา แต่ครั้นเมื่อ
เวลานานมาแล้ว ซึ่งผมเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายนั้นใช้ความอดกลั้น ความอดทน ไม่ได้บุ่มบ่าม
หรือรุนแรง ซึ่งอาจจะเข้าใจผิด จริงๆ ราชการได้ให้โอกาส และให้ออกมามอบตัวหรืออะไร
เป็นเวลานาน เมื่อเป็นเวลานาน และมันใกล้จะค่ำ ก็ต้องตัดสินใจที่จะต้องเข้าไปทำการกวาดล้าง
ให้หมดสิ้น เมื่อยิงแก๊สน้ำตาอะไรเข้าไป เข้าใกล้ผู้ร้ายกลับยิงโต้ตอบออกมา เป็นเหตุที่ราชการ
ต้องต่อสู้ เพราะว่าทุกคนต้องรักษากฎหมายและระเบียบวินัย ทุกฝ่าย เจ้าหน้าที่ก็ได้ใช้ความ
อดกลั้นน่าสรรเสริญแล้ว แต่เมื่อสิ่งจำเป็นที่สุดก็ต้องทำตามหน้าที่ แม้จะสูญเสียก็เป็นเรื่อง
ที่จะต้องทำ ทุกคนเคารพกฎหมายบ้านเมือง และได้ใช้ความอดกลั้นพอ สมควร ผมจึงขอให้
ความชมเชยแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ และให้ความชมเชยแก่คนรอบๆ มัสยิดกรือเซะเพราะไม่ได้
เห็นชอบตามที่ผู้ก่อการร้าย
จะเห็นได้ว่าไม่มีใครต่อต้านหรือออกเสียงช่วยผู้ก่อการร้าย จึงเป็นการสบายใจอย่างหนึ่ง
ว่า คนส่วนใหญ่ยังมีความรู้ผิดชอบ ถูกต้อง และอะไรควรไม่ควร ผมจึงขอบใจทุกคนที่
ตั้งตนในความสงบ ประชานชน และไม่ได้ขัดขวางอันใดนั้น เขาได้เห็นชอบแล้วว่า เจ้าหน้าที่
ของรัฐได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายพอสมควร การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในการที่จะยุติสถานการณ์
ใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง ท่านมองว่าสมเหตุสมผล และผลของการปฏิบัติการ ท่านมอง
อย่างไรบ้าง
ผมมองว่าได้ใช้ความขันติธรรม อะลุ้มอล่วยที่จะรักษาเลือดเนื้อ ชีวิต ไม่ให้ถึงแก่
เลือดตกยางออก ท้ายที่สุดจึงใช้ เวลาหลายชั่วโมงแต่ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นได้ ถ้ารอค่ำคืนผู้ร้าย
อาจจะแอบความค่ำคืนนั้นเล็ดรอดหนีไปก็ได้ เพราะฉะนั้นก็จำเป็นที่ จะต้องลงมือจัดให้
เรียบร้อยก่อนที่ตะวันจะตก ก็เข้าใจว่าได้ใช้ความอดทนอดกลั้นพอสมควรที่จะรักษาความสงบ
ความเรียบร้อย ของบ้านเมืองไว้ตามสมควร
ในฐานะที่ท่านเป็นประมุขสูงสุดของศาสนาอิสลามในประเทศไทย คงต้องทำความเข้าใจ คงต้อง
เข้าใจก่อนว่า จังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ผู้นำ
ศาสนามีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิต ต่อการดำเนินวิถีชีวิตเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะผู้นำ ศาสนา
อิสลาม จะมีส่วนช่วยในการนำความสงบกลับมาสู่สังคมในดินแดนของภาคใต้ได้อย่างไรบ้าง
คือปกติแล้ว ความเป็นมาตามระบบการปกครองของเรา ที่เรามีกฎหมายว่าด้วยอิสลาม
กำหนดว่า ประชาชนเป็นผู้เลือกอิหม่าม ประจำมัสยิด อิหม่ามเป็นผู้เลือกกรรมการประจำจังหวัด
กรรการประจำจังหวัดเลือกประธาน เพราะฉะนั้นประธานเลือกกันมาหลาย ขั้น การเลือกหลายขั้น
นั้นเป็นการกลั่นกรองที่ดีแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นประธานกรรมการ 5 จังหวัด พบกับผมเสมอ และ
ผมก็นำเขาไปพบ กับท่านนายกฯ หลายครั้ง ในการที่จะช่วยกันรักษาความร่มเย็นทางภาคใต้ และ
ผมเชื่อว่าประธานกรรมการนั้นเป็นบุคคลที่มีเหตุมีผล มีความรู้ จึงมีส่วนสำคัญในอันที่จะช่วย
บ้านเมืองให้มีความสงบ แต่ว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ว่ามานั้นไม่ใช่วัยรุ่นของมุสลิมเท่านั้น มันของศาสนา
พุทธด้วย จึงไม่ใช่การแตกแยกเพื่อศาสนา ไม่ใช่ ไม่ใช่ถือว่าการแตกแยกเพื่อศาสนา แล้วเอา
ศาสนามา หรือทุนมาจากต่างประเทศ เป็นไปไม่ได้ มันเกิดจากวัยรุ่นที่มีหัวหน้าที่ไปชักชวน
หรือว่าให้ดื่มกินอะไรจนมัวเมาแล้วมันก็จึงเป็นเหตุอย่างนี้ เหมือยก ตัวอย่างว่าวันสงกรานต์
ห้ามไม่ให้ทานเหล้า แต่ทว่าเพื่อไม่ให้ตาย แต่คนกินเหล้านั้นมันก็ตายอย่างนั้น เพราะ
ฉะนั้นเราจึงคิดว่าคนที่ ไปดื่มยาอะไร หรือพวกเนี้ย มันเป็นส่วนอย่างหนึ่งที่ให้เขากล้า บ้าบิ่น
ไม่กลัวลูกปืน มันก็ตายสิครับ
บทบาทในการที่จะช่วยเหลือนำความสงบสุขมาสู่ดินแดนภาคใต้ ณ วันนี้ มีอะไรที่อยากจะ
สานต่อหรือทำเพิ่มเติม
ผมอยากจะวิงวอนร้องขอคนไทยทั้งชาติ ที่เราเกิดมาเป็นคนไทยนี้ เรามีบุญ เพราะ
เรามีกษัตริย์ ซึ่งมาตรา 9 กำหนดว่า พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
คือในหลวงของเราอุปถัมภ์ทุกศาสนาให้มีจุฬาฯ มีกรรมการ กลาง มีอะไร ทรงอุปถัมภ์
มีมหาวิทยาลัย และทรงทำทุกอย่างเช่นเป็นต้นว่า ภาคเหนือก็ไปให้ประชาชนที่เคยปลูกฝิ่น
ปลูกผลไม้เมือง หนาว และสมเด็จย่าก็เข้าไปอยู่ภาคเหนือก็เพื่อที่จะให้คนกะเหรี่ยงมีวามภักดี
ต่อชาติบ้านเมือง และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็สร้างศิลปาชีพขึ้น และโดยเฉพาะที่ภาคใต้นี้
ทรงให้ความสำคัญแก่ภาคใต้อย่างยิ่งเลย เช่น แก้ไขพรุโต๊ะแดงให้ดีขึ้น และทำ เขื่อนปากพนัง
เพื่อให้คนใต้อยู่เย็นเป็นสุข และพระองค์ท่านไปอยู่ที่บนเขานั้น ก็ทรงไปสร้างมัสยิดให้ทดแทน
และเพื่อเป็นเกียรติ แก่คนใต้นั้น ทรงขนานนามพระพี่นางฯ ว่า สมเด็จพระพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นการให้ เกียรติแก่คนภาคใต้อย่างยิ่ง เหมือนอังกฤษที่
ให้เกียรติแด่ดยุคออฟยอร์ก เพราะฉะนั้นเราทันสมัย เราจะทำอะไรก็ต้องถวายความ ยำเกรง
พระองค์ท่าน ผมเชื่อว่าผู้นำฝ่ายศาสนาก็เข้าใจ
ท่านอยากจะฝากอะไรแด่พี่น้องประชาชนบ้างไหม
ผมคิดว่าเราทุกคนนี้ต้องรักและสามัคคี เราแลเห็นความสามัคคีในบ้านเมืองต่างๆ รอบบ้านเรา
เช่น ประเทศบางประเทศ ทะเลาะกัน แล้วเผาสถานทูตเราบ้าง ทำลาย แล้วไม่รู้จักโทษใคร
ไปโทษสุวนันท์ คงยิ่ง ซึ่งไม่ควรจะมีอย่างนั้น แล้วทุกฝ่าย ไม่ว่า ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร
ต้องสามัคคีกัน เพื่อให้บ้านเมืองเราอยู่เย็นเป็นสุข ในฐานะที่พระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่รัก
เป็นศูนย์รวม คนไทย ทำอะไรก็ถวายความเคารพพระองค์ท่าน และให้เกิดความสงบร่มเย็น
เป็นสุข ในศาสนาอิสลามนั้น ความร่มเย็นเป็นสุข จะเกิดจาก 3 ประการ 1 แต่ละคนไม่เป็นภัย
ต่อชีวิตคนอื่น เพราะใครตายคนอื่นย่อมมีลูกกำพร้า มีพ่อแม่ สูญเสียมาก เพราะฉะนั้น
อิสลามจึงกล่าวว่า ใครฆ่าคนตายโดยไม่ชอบนั้นเหมือนฆ่าคนทั้งโลก เกิดลูกกำพร้า เกิดแม่ใหม่
เกิดพ่อใหม่ เกิด พ่อแม่ที่ไม่มีใครดูแล เพราะฉะนั้นการฆ่ากันจึงเป็นสิ่งที่ต้องห้ามอย่างร้ายแรง
เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ต้องช่วยกันรักษาทรัพย์สินซึ่งกันและกันไม่ให้เสียหาย และต้องรักษาชื่อเสียง
และรักษาส่วนกลาง คือสมบัติของทางราชการ ซึ่งเป็นภาษีอากรของประชาชน ที่มาสร้าง
ไม่ว่าสถานีตำรวจ หรือเป็นเงินของพวกเราร่วมกันทำ เราก็ไม่ทำลายทรัพย์สมบัติของเราเอง
**********************************
|