รายละเอียด :
|
ความหมายของศิลปะ
ศิลปะตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2493 ได้อธิบายไว้ว่า ศิลปะ (สินละปะ)
น.ฝีมือ, ฝีมือทางการช่าง, การแสดงออกมาให้ปรากฏขึ้นได้อย่างน่าพึงชม และเกิดอารมณ์สะเทือนใจ
ศาสตราจารย์ศิลปะ พีระศรี ให้ความหมายศิลปะ หมายถึง งานอันเป็นความพากเพียรของ
มนุษย์ ซึ่งต้องใช้ความพยายามด้วยฝีมือและด้วยความคิด
ตอลสตอย นักประพันธ์ชาวรัสเซียกล่าวว่าศิลปะคือ การถ่ายทอดความรู้สึกเป็นวิธีการสื่อสาร
วิธีหนึ่งระหว่างมนุษย์ด้วยกันว่าเราใช้คำพูดสำหรับสื่อความคิด แต่ใช้ศิลปะสำหรับสื่อสารความรู้สึก
ท่านพุทธทาสภิกขุ กล่าวไว้หนังสือศิลปะแห่งการดูด้วยยถาภูตสัมมัปปัญญาหรือปัญญาเห็น
อย่างถูกต้องตามที่เป็นจริง เป็นการบรรยายธรรมประจำวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคม 2523 ลานหินโค้ง
สวนโมกข์ว่า ศิลปะประกอบด้วย ความหมาย 3 อย่าง คือ งามสำเร็จประโยชน์และกระทำด้วยฝีมือ
ความสำคัญของศิลปะ
ศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ เพราะศิลปะเป็นสิ่งสะท้อนอกมาจากจิตใจมนุษย์ออกมา
เป็นรูป (Form) เป็นสีสัน เป็นเสียง และเป็นบทกวี และศิลปะสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต และชีวิต
สะท้อนให้เห็นศิลปะ ศิลปะเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตมนุษย์ที่ขาดไม่ได้ และศิลปะก็จะไม่เกิดขึ้นเช่นกัน
ถ้าขาดชีวิตมนุษย์
ทุกวันนี้ศิลปะเข้ามามีบทบาทต่อชีวิตของผู้คนอย่างมาก ทั้งศิลปะบริสุทธิ์ หรือวิจิตรศิลป์
และประยุกต์ หรือศิลปะด้านอื่นๆ ถึงแม้ว่ามนุษย์จะเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์
เพียงใด ศิลปะซึ่งเป็นความต้องการทางจิตใจก็ยิ่งจำเป็นต่อมนุษย์มากเป็นเงาตามตัว แต่ศิลปะโดยเฉพาะ
วิจิตรศิลป์นั้น เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเข้าใจยากและเป็นปัญหาในการชื่นชมและการเสพของมนุษย์มา
แทบทุกยุคทุกสมัย ที่เป็นเช่นนี้ สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะความก้าวล้ำไปข้างหน้าของผลงาน
ศิลปะที่ศิลปินสร้างขึ้นจนผู้คนร่วมยุคร่วมสมัยไม่เข้าใจ ไม่สามารถชื่นชมและสื่อความรู้สึกนึกคิด
ที่เป็นศิลปินออกมาได้ จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาแล้วประชาชนจึงเข้าใจชื่นชมและรู้คุณค่าของศิลปะ
ซึ่งความไม่เข้าใจผลงานของศิลปินชั้นแนวหน้าแต่ละสมัยเป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้ประชาชนปฏิเสธศิลปะ
จนเกิดความรู้สึกว่า ศิลปะ เป็นสิ่งที่เข้าใจยากและเป็นสิ่งสูงเกินความสามารถของคนทั่วไป
ที่จะเข้าใจและชื่นชมศิลปะ การเสพศิลปะจึงต้องปีนบันได ความจริงแล้วศิลปะไม่ใช่สิ่งสูงส่ง
เกินความสามารถของมนุษย์จะเข้าใจได้ และศิลปะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น มนุษย์จึงควรเข้าใจ
ความเข้าใจและการชื่นชมศิลปะเป็นสิ่งที่ฝึกฝนเรียนรู้และพัฒนาเช่นเดียวกับศาสตร์อื่นๆ ทั้งที่ศิลปะ
เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กับชีวิตเราอย่างแนบแน่นมาแต่โบราณกาล โดยเฉพาะศิลปะประยุกต์
(applied art) ซึ่งเป็นศิลปะเพื่อใช้สอย เป็นศิลปะที่ช่างพัฒนาเครื่องใช้ไม้สอย พัฒนาชีวิต
ความเป็นอยู่และรสนิยมของมนุษย์ให้ดีขึ้นมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน โดยศิลปะประเภทนี้ใกล้ชิด
กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ตลอดมา แต่เรามักไม่ได้ให้ความสำคัญและมองผ่านไปโดยไม่สังเกต
และไม่สนใจ ส่วนวิจิตรศิลป์ (fine art) นั้นเป็นเรื่องราวของความรู้สึกนึกคิดจิตใจและภูมิปัญญา
ของมนุษย์แต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งมีศิลปินเป็นตัวแทนในการแสดงออก ดังนั้นศิลปะจึงเป็น
องค์ประกอบส่วนหนึ่งของชีวิตที่จะขาดเสียมิได้ แต่ปัจจุบันศิลปะกลับขาดหายไปจากชีวิตของ
ผู้คนจำนวนมากจนเกิดช่องว่าง เกิดความรู้สึกห่างเหินและปฏิเสธศิลปะ การหันกลับมาฟื้นฟู
การยอมรับและชื่นชมศิลปะจึงควรจะเป็นสิ่งที่จะกระทำได้ไม่ยาก เพราะเป็นสิ่งที่จิตใจมนุษย์
ต้องการอยู่แล้ว หากแต่ภาวะแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม การเมือง เป็นอุปสรรคทำให้เกิด
ช่องว่างระหว่างศิลปะกับผู้คนในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่คับแค้น
ยากจน และเรื่องราวเหตุการณ์ต่างๆ ในสังคมยุคนี้กล่าวกันว่าเป็นอุปสรรคสำคัญที่แยกออกจาก
ศิลปะออกจากจิตวิญญาณของประชาชน
หลักสำคัญในการชมศิลปะ
การชมศิลปะ ความจริงไม่ใช่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนทั่วไปมากนัก หากการชื่นชม
นั้นเป็นเพียงการชื่นชมเพียงเพื่อความพอใจส่วนตัวมิใช่การชื่นชมถึงขั้นเข้าใจอย่างลึกซึ้งและ
ประเมินคุณค่าแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากนัก การชื่นชมศิลปะก็เช่นเดียวกับการชื่นชมสิ่งอื่น ๆ
ที่ค่อยเป็นค่อยไปไม่ต้องใช้เวลาในการสร้างความคุ้นเคยให้เกิดขึ้นก่อนก็จะชื่นชมได้ไม่ยาก
แต่จะให้การชื่นชมไปถึงขั้นเข้าใจและรูถึงคุณค่า จะต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังและต้องมี
การศึกษาไปด้วย
การชื่นชมศิลปะขั้นแรกสุดคือ การให้ความสนใจและสร้างคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็นการฟังเพลง
การอ่าวรรณกรรมจนถึงการชมภาพเขียน ชมงานประติมากรรมหรือผลงาน ทัศนศิลป์อื่น ๆ ก็ตาม
การพาตนเองเข้าไปใกล้ชิดกับงานศิลปกรรมเป็นการเริ่มต้นการชื่นชมที่ดีที่สุด โดยมิต้องคำนึงถึง
สาระหรือความเข้าใจแต่ประการใดการให้ความสนใจจะทำให้เกิดความคุ้นเคย เป็นการเริ่มต้น
ที่จะนำไปสู่ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ไม่ปฏิเสธหรืต่อต้านขึ้นในใจว่า ตนเองไม่มีความรู้
ไม่ได้เรียน ไม่ได้ศึกษามาโดยตรง จึงเป็นสาเหตุเบื้องต้นของการปฏิเสธศิลปะ ดังนั้น การทำใจ
ให้ยอมรับโดยไม่มีอคติจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี เมื่อทำใจได้เช่นนี้แล้ว ก็พยายามพาตนเอง
เข้าไปหาศิลปะทั่วไปหรือศิลปะชั้นดีที่ยอมรับของคนทั่วไปแล้วจะยิ่งเป็นการดี อาจจะเริ่มไปชมงาน
ศิลปะตามพิพิธภัณฑ์ ตามหอศิลป์ การไปฟังคอนเสิร์ตดีๆ ไม่ใช้คอนคอนเสิร์ตที่ไร้สุนทรียรส
อย่างทุกวันนี้ ควรเลือกฟังคอนเสิร์ตที่เลือกฟังเพลงดีๆ อาจจะเป็นเพลงที่มีลักษณะ กึ่งเพลงคลาสสิค
ก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี หรือจากการที่ได้มีโอกาสชมภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัดอารามต่าง ๆ นั้น
ซึ่งเป็นภาพที่ดูง่ายทั้งรูปแบบและเนื้อหา เพราะเป็นศิลปกรรมที่ใกล้ชิดกับขนบประเพณี วัฒนธรรม
และวิถีชีวิตของเราอยู่แล้ว หากได้ชมจิตรกรรมฝาผนังบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความคุ้นเคยทางศิลปะได้
การชมครั้งแรก ๆ อาจจะเป็นเพียงการดูอย่างผิวเผิน หรือเรียกว่า เพียงให้ผ่านหูผ่านตาเท่านั้น
ไม่ต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระต่อเมื่อคุ้นเคยแล้ว จึงเพิ่มความสนใจมากที่ละขั้นๆ จากการดูสีสัน
มาเป็นการให้ความสนใจเนื้อหาและเรื่องราวของภาพ และให้คามสนใจสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งมากขึ้น
เป็นลำดับ ๆ ก็จะทำให้เราพัฒนาการรับรู้ศิลปะได้และเปลี่ยนความรู้สึกปฏิเสธศิลปะมาเป็น
การยอมรับ จากความรู้สึกห่างเหินมากเป็นความคุ้นเคย ถัดจากการสร้างความคุ้นเคยแล้ว
อาจจะตามมาด้วยความอยากรู้และการแสวงหาความเข้าใจ จากการชมเฉย ๆ มาเป็นการอ่าน
เริ่มมีความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบเกิดขึ้นและจะต้องหาเหตุผลมาตอบตนเองให้ได้
การพัฒนาการชมศิลปะขั้นต่อไป หลังจากที่มีความคุ้นเคยกับศิลปะจนรู้สึกใกล้ชิด
สนิทสนมดีแล้วก็ควรถึงขั้นให้ความสนใจอย่างจริงจัง ซึ่งก็เหมือนกับการคบเพื่อนเมื่อมีความ
คุ้นเคยกันพอสมควรแล้วก็ต้องให้ความสนใจนิสัยใจคอเขามากขึ้น ต้องพิจารณาบุคลิก
ลักษณะ รสนิยมองค์ประกอบในตัวเขาว่าเป็นอย่างไร ต้องตั้งคำถามต่อตัวเองว่าชอบหรือ
ไม่ชอบเขาดีหรือไม่ดีอย่างไร ต้องให้ความสนใจมากขึ้นเพื่อแสวงหาคำตอบให้ตนเอง
ให้ได้มากและชัดเจนที่สุดซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสนใจอย่างจริงจัง เป็นเรื่องที่จะต้อง
มีการศึกษาหาความรู้เพื่อพัฒนาการรับรู้ (perception) ให้มากขึ้น ซึ่งการให้ความสนใจ
ศิลปะอย่างจริงจังจะเป็นหนทางหนึ่งที่นำไปสู่การชื่นชมและซาบซึ้งได้ในที่สุด การให้ความ
สนใจเริ่มตั้งแต่การเพิ่มประสบการณ์ทางศิลปะให้กับตนเอง อาจจะเป็นการฟังมาก ดูมาก
และอ่านมาก ประสบการณ์เหล่านี้จะช่วยให้เกิดการรับรู้กว้างขวางและลึกซึ้งยิ่งขึ้นช่วยให้
เกิดการเปรียบเทียบ เกิดวิจารณญาณที่จะมองเห็นความแตกต่างกันของงานศิลปะได้ขั้นหนึ่ง
ความสนใจในการเพิ่มประสบการณ์ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเสพศิลปะ เพื่อช่วย
ในการพัฒนาการรับรู้นำไปสู่ความเข้าใจและจะได้รับสุนทรีย์รสอารมณ์ความรู้สึกจากงานศิลปะ
นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งในการชื่นชมศิลปะคือ การชื่นชม
ศิลปะจะต้องให้เวลาและต้องมีสมาธิ เพราะการชื่นชมศิลปะนั้น จะต้องให้เวลาในการปรับ
ตนเอง ปรับความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ให้กับตนเองและจะต้องสร้างสมาธิในการชม การฟังและการอ่าน
ดังที่กล่าวมาแล้วการชื่นชมศิลปะ การทำความเข้าใจศิลปะไม่ใช่เรื่องยากเกิน
ความสามารถของคนทั่วไป การชื่นชมศิลปะเป็นสิ่งพัฒนาได้ หากมีการเริ่มต้นที่ดี และหาก
จำนวนของผู้ให้ความสนใจมากขึ้นก็จะเป็นผลดีในการพัฒนาวงการศิลปะให้ก้าวไปข้างหน้า
และเป็นประโยชน์แก้ประชาชนในการพัฒนารสนิยมทางศิลปะให้สูงขึ้น เพื่อนำผลจากการชม
ศิลปะมาใช้ในการดำเนินชีวิตให้มีสุนทรียภาพก่อให้เกิดความสุข สงบและมีสันติสุขในสังคม
************************************
|