รายละเอียด :
|
นักวิจัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ศึกษาสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัด
ชายแดนภาคใต้พบรุนแรงมากขึ้น โดยผู้เสียหายคือประชาชนมากที่สุด แนะควรสร้างการมีส่วนร่วม
ในภาคประชาชนในการแก้ปัญหาและคัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีความประพฤติดี มาทำงานแก้ปัญหาปากท้อง
ของชาวบ้าน
ผศ. ปิยะ กิจถาวร ผู้ศึกษาสถานการณ์ความรุนแรงและผลการสำรวจความเห็นของประชาชน
เจ้าหน้าที่รัฐต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ทุกอำเภอของจังหวัดปัตตานี
ยะลา นราธิวาส มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยถึงผลการศึกษาวิจัยว่า
ในช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2547 ทั้ง 3 จังหวัด
มีเหตุร้ายเพิ่มขึ้นทั้งในด้านความถี่และความรุนแรง จังหวัดนราธิวาสมีจำนวนมากที่สุด รองลงมา
คือจังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลาตามลำดับ ส่วนใหญ่เป็นการยิงด้วยอาวุธปืน รองลงมาคือการลอบ
วางเพลิง และการลอบวางระเบิด ที่น่าสนใจคือการลอบวางระเบิดเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.84 ในปี
2547 เป็นร้อยละ 18.46 ในปี 2548 และระหว่างเดือนมกราคม 2547 กรกฎาคม 2548 พบว่า
ชาวบ้านทั่วไปเป็นผู้สูญเสียมากที่สุดคือเสียชีวิตถึง 454 คน จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด 730 คน
คิดเป็นร้อยละ 62.19 ของจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด ชาวบ้านบาดเจ็บ 796 คน จากผู้บาดเจ็บ
ทั้งหมด 1,313 คน คิดเป็นร้อยละ 60.62 ของจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งหมด
ผลการสำรวจความเห็นประชาชนและข้าราชการผู้ปฏิบัติในพื้นที่รวม 437 ตัวอย่าง ใน 9 อำเภอ
พบว่าชาวบ้านเห็นว่าสถานการณ์ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในพื้นที่เลวร้ายลงมากถึง
ร้อยละ 55.7 เพราะคนคิดร้ายมีมากขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนไม่มีความเข้าใจกัน ไม่มีความ
ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ในขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งเห็นว่าเจ้าหน้าที่รัฐมีการปฏิบัติตามกฎหมายดีขึ้น
คิดเป็นร้อยละ 38.4 เพราะมีการจัดเวรยามดูแลหมู่บ้านและเห็นว่าผู้นำศาสนาทั้งพุทธและมุสลิม
มีบทบาทสร้างความไว้วางใจต่อกันของคนในชุมชนดีขึ้นร้อยละ 42.4
การศึกษาวิจัยยังพบว่าชาวไทยมุสลิมซึ่งต้องการให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ร้อยละ 55.5 มีความเห็นว่า
ควรให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเสนอว่าควรหาวิธีการที่ดีกว่านี้ เพราะไม่ทำให้สถานการณ์
ดีขึ้น มีแต่ทำให้ประชาชนกลัว ไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใช้ได้กับชาวบ้านผู้บริสุทธิ์
เท่านั้น ส่วนชาวไทยพุทธเห็นว่าควรให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปร้อยละ 76.7 เพราะยังมี
การก่อเหตุร้ายมากขึ้น การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการเสริมอำนาจเจ้าหน้าที่รัฐให้เขาทำงาน
เต็มที่มากขึ้น ดีกว่าไม่มีอะไรมารองรับเพราะเหตุการณ์ไม่ปกติ ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้ปฏิบัติ
งานในพื้นที่เห็นว่าควรประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไปอีก คิดเป็น
ร้อยละ 72.9 ประชาชนมีข้อเสนอในการยุติเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
โดยอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหามากกว่านี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้แก้ปัญหา
ของท้องถิ่น แต่แก้ปัญหาเจ้าหน้าที่และความมั่นคงเป็นหลัก สร้างความยุติธรรมให้เร็วที่สุด ทำให้
ชาวบ้านได้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคง การกระตุ้นให้ชาวบ้านร่วมมือกับทางราชการ คัดเจ้าหน้าที่
ที่มีพฤติกรรมดี ๆ มาทำงานและแก้ไขนโยบายให้เหมาะสมกับการสนับสนุนกิจกรรมของชาวบ้านเช่น
ประกันสินค้าทางการเกษตร ให้รัฐปรับปรุงเรื่องการข่าวที่มีส่วนต่อความเดือดร้อนของชาวบ้าน
การข่าวสำคัญมากในการแก้ปัญหาความไม่สงบ บางทีคนเป็นศัตรูกันอาจรายงานข่าวให้เจ้าหน้าที่
รัฐควรหาทางแก้ไขเพื่อให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้รับการศึกษาที่ดีขึ้น เปิดโอกาสให้แต่ละหมู่บ้าน
ในพื้นที่จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์และคุณธรรม โดยเน้นที่ตัวเด็กและเยาวชน ให้ประชาชน
ในพื้นที่เลือกแนวทางการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและความเชื่อของตัวเอง
ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐระดับปฏิบัติในพื้นที่ได้มีข้อเสนอในการยุติเหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัด
ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สรุปกล่าวคือให้ประชาชนได้มีส่วนร่วม โดยการรับฟังความต้องการของ
ประชาชนในพื้นที่ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ต้องการความสงบ
มีส่วนน้อยที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเกิดจากความเชื่ออุดมการณ์ส่วนบุคคล โดยอ้างศาสนามา
สร้างความชอบธรรม อีกทั้งหน่วยงานของรัฐจะต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐสามารถให้ความปลอดภัย
ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ ให้รัฐเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวบ้านใน 3 จังหวัด
ชายแดนภาคใต้ให้มากที่สุด อย่าได้ระแวงซึ่งกันและกัน
ผศ. ปิยะ กิจถาวร กล่าวเสนอแนะว่าต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉินให้มากขึ้น โดยเน้นว่าเป็นกฎหมายที่จะต้องถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของคน
ส่วนใหญ่อย่างเป็นธรรมและตรวจสอบได้ สร้างการมีส่วนร่วมในภาคประชาชนในการแก้ไข
ปัญหาด้านต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น คัดเลือกเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติกรรมดี ๆ มาทำงานแก้ปัญหาปากท้อง
ของชาวบ้านและให้ชาวบ้านได้ประกอบอาชีพอย่างมั่นคง
**********************************
|