การสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ทุกชาติทุกภาษามีวัฒนธรรมประเพณีที่สืบทอดกันมาคือการแต่งงาน
มีคู่ครองที่ผ่านการยอมรับจากสังคม ขั้นตอนกระบวนการในพิธีแต่งงานของแต่ละสังคมล้วนเป็นไปตามประเพณี
ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาของสังคมนั้น ๆ แต่โดยกุศโลบายทางธรรมะก็เพื่อให้หนุ่มสาวมีความอดทนในการใช้ชีวิตคู่
การแต่งงานเป็นเพียงการเริ่มต้นไม่เป็นบทอวสานดังในหนังหรือละคร เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงชีวิตที่สำคัญที่สุด
ของความเป็นครอบครัวที่ดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเลือกคู่ครองผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็นเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวในวันสำคัญ
ของชีวิต
วัฒนธรรมประเพณีของแต่ละสังคมมีส่วนสำคัญต่อการเลือกคู่ครองของหนุ่มสาวในสังคม ดังเช่นการ
เลือกคู่ครองของหนุ่มสาวของชาวไทยมุสลิมและวัฒนธรรมประเพณีการแต่งงานที่สวยงามตามหลักบัญญัติของ
ศาสนา
การเลือกคู่ครองของชาวไทยมุสลิมต้องเป็นไปตามศาสนบัญญัติที่ว่า ต้องแต่งงานกับคนที่เป็นมุสลิม
ด้วยกันเท่านั้น ในกรณีที่เป็นคนนอกศาสนาจะต้องให้เข้านับถือศาสนาอิสลามเสียก่อน
การแต่งงานของชาวไทยมุสลิมภาคใต้ มีธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติกันจนเป็นแบบแผนคือต้องมีการสู่ขอ
การหมั้น การจัดการพิธีแต่งงาน และเมื่อเสร็จพิธีแต่งงานแล้ว ก็มีธรรมเนียมปฏิบัติอีกหลายประการซึ่ง
ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัฒนธรรม
การแต่งงานของชาวไทยมุสลิมในปัจจุบัน ประเพณีการแต่งงานของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ ในส่วน
ของธรรมเนียมปฏิบัติพื้นบ้านอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อนบ้าง เพื่อความสวยงามและทันสมัย แต่ใน
ส่วนที่เกี่ยวข้องกับศาสนบัญญัติ ยังคงยึดถือปฏิบัติต่อกันมาอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีขั้นตอนต่าง ๆ พอจะสรุป
ได้ดังนี้
การสู่ขอ ผู้ที่ไปสู่ขอคือมารดาหรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชาย ต้องไปสู่ขอกับญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง
พร้อมของฝากอาจจะเป็นขนมหรือผลไม้ไปด้วย เมื่อไปเจรจาสู่ขอแล้วฝ่ายหญิงจะไม่ตอบตกลงในตอนนั้น แต่
จะขอเวลาปรึกษาหารือกับญาติ ๆ ประมาณ 7 วัน เพื่อจะได้หาข้อมูลเกี่ยวกับฝ่ายชายแล้วจะมีคนที่นับถือ
ไปบอกฝ่ายขายในกรณีที่ตกลง หากไม่ตกลงก็จะเงียบเฉยไป ให้เป็นที่รู้เอาเอง เมื่อฝ่ายญาติตกลงแล้ว
ผู้ใหญ่ฝ่ายชายก็จะไปตกลงรายละเอียดของการแต่งงานอีกครั้งเช่น วันแต่งงาน สินสอด ของหมั้น และมะฮัร
ซึ่งมีความแตกต่างจากสมัยก่อนที่เมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาสู่ขอแล้ว ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงพอใจ ก็ตกลงเองโดยไม่มี
การปรึกษาหารือลูกสาวหรือใครเลย ถือเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่
การหมั้น ตามประเพณีไทยมุสลิมเลือกทำได้ 2 ลักษณะ คือหมั้นก่อนการทำพิธีนิกะห์ (แต่งงานตาม
หลักศาสนา) หรือหมั้นแล้วทำพิธีนิกะห์ ซึ่งมีผลดีและมีข้อห้ามต่างกันกล่าวคือ ถ้าหมั้นก่อนแต่งงาน เจ้าบ่าว
จะถูกต้องตัวเจ้าสาวไม่ได้ จะกระทำกันระหว่างผู้ใหญ่ของทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น แล้วจึงแจ้งให้เจ้าบ่าวและเจ้าสาว
รู้ตัวว่ามีคู่หมั้นแล้ว หลังจากนั้นจะทำให้การติดต่อกันเป็นไปด้วยความสะดวกคือ ฝ่ายชายสามารถติดต่อ
กับญาติของฝ่ายหญิงได้โดยไม่ถูกคนครหานินทา ส่วนการหมั้นหลังพิธีนิกะห์แล้วเจ้าบ่าวสามารถถูกต้องตัว
เจ้าสาวได้ เจ้าบ่าวจึงสวมของหมั้นให้กับเจ้าสาวได้ และสามารถจัดพิธีนั่งบัลลังก์เพื่อให้ญาติทั้ง 2 ฝ่าย
ร่วมแสดงความยินดีได้อย่างสมเกียรติ
ขบวนขันหมาก ขบวนขันหมากที่แห่จากบ้านเจ้าบ่าวไปยังบ้านเจ้าสาวเพื่อประกอบพิธีแต่งงาน ประกอบ
ไปด้วยขันหมากจำนวนตามที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ซึ่งต้องมีจำนวนเป็นเลขคี่ อย่างน้อย 5 ขัน
ขันหมากสำคัญ ๆ คือเงินหรือของ มะฮัร เป็นสิ่งของที่มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าสาว ขันหมาก
ขันพลู ขันของหมั้น (ถ้าหมั้นกับแต่งเป็นวันเดียวกัน) นอกจากนั้นก็เป็นขนมต่าง ๆ สำหรับในจังหวัดปัตตานี
จะต้องเพิ่มขันหมากและขันพลู เพื่อให้แก่โต๊ะอิหม่ามตอนทำพิธีนิกะห์เป็นกรณีพิเศษ
ส่วนผู้ที่จะถือขันหมากนิยมเลือกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตสมรสหรือเป็นคนที่น่านับถือ บางราย
เคร่งครัดมาก ๆ จะห้ามหญิงหม่ายและสาวแก่ถือขันหมาก
การนิกะห์ เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดของช่วงแต่งงาน การนิกะห์ต้องประกอบไปด้วย 5 องค์ ได้แก่ วลี
คือ ผู้ปกครองที่มีสิทธิ์ในหญิงประกอบพิธีสมรส ต้องเป็นเพศชายที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ อาจเป็นบิดา ปู่
พี่ชาย หรือน้องชายของหญิงก็ได้ เจ้าบ่าว พยาน 2 คน ต้องเป็นมุสลิมที่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์และบรรลุ
นิติภาวะ ประธานผู้ทำพิธีนิกะห์และมะฮัร การทำพิธีนิกะห์ในปัจจุบันนี้ยังเหมือนกับการทำพิธีในสมัยก่อน
การให้นั่งบัลลังก์ เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาว ญาติเจ้าสาวจะออกมาต้อนรับเจ้าบ่าวและนำ
เจ้าสาวมานั่งบัลลังก์ที่เตรียมไว้ ซึ่งช่วงนั้นจะเป็นเวลากลางคืน เมื่อเจ้าบ่ายเจ้าสาวขึ้นนั่งบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว จะ
เชิญญาติมิตรของทั้ง 2 ฝ่าย มาร่วมแสดงความยินดีและเชิญญาติผู้ใหญ่มาทำพิธีกินสมางัด โดยนำเอาส้มแขก
เกลือ ข้าว ป้อนให้คู่บ่าวสาวเพื่อเป็นสิริมงคล จากนั้นเชิญญาติผู้ใหญ่จำนวน 3 คน มาป้อนข้าวเหนียว 3 สี
(ขาว แดง เหลือง) ไข่ และขนม ให้กับคู่บ่าวสาว การป้อนต้องป้อนแต่ละคนจนครบทุกอย่าง เมื่อญาติผู้ใหญ่
ป้อนจนครบ 3 คนแล้ว ก็เป็นอันเสร็จพิธี ไม่มีพิธีมานีซลีมา (การอาบน้ำชำระมลทิน) และพิธีปลือป๊ะห์ (สะเดาะ
เคราะห์คู่บ่าวสาว) อย่างสมัยก่อน
หลังจากนั้นจะมีการกินเหนียว (มาแกปูโละ) เป็นการกินเลี้ยงเพื่อฉลองสมรส เสร็จแล้วจะมีการส่งตัว
เจ้าสาวเพื่อแสดงการยอมรับว่าเจ้าสาวได้เป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว แต่เมื่อส่งตัวเสร็จเจ้าสาวต้องกลับมานอน
บ้านตนเองก่อน ครบ 3 คืน จึงไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวอีก 3 คืน หรือแยกครอบครัวออกไป
ปัจจุบันวิถีชีวิต การประกอบอาชีพ และหน้าที่การงานของชาวไทยมุสลิมภาคใต้เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
ทำให้การแต่งงานของคู่บ่าวสาวหลายคู่มีการจัดพิธีทางศาสนาที่บ้านและมีการเลี้ยงฉลองในโรงแรม เพื่อความ
สะดวกสบายของญาติมิตรและผู้เป็นเจ้าภาพเอง
พิธีการแต่งงานของแต่ละวัฒนธรรมประเพณีอาจมีความแตกต่างกันบ้านในแต่ละส่วนของกระบวนการ
ขั้นตอนของพิธีการแต่งงาน แต่มีเป้าหมายที่ไม่แตกต่างกัน ต้องการให้สังคมนั้น ๆ รับรู้ว่าสมาชิกในสังคม
กำลังทำหน้าที่ดำรงเผ่าพันธุ์ของตนด้วยความถูกต้องตามทำนองครรลองธรรมของสังคมนั่นเอง
**************************************
|