รายละเอียด :
|
แนวคิดที่จะเปลี่ยแปลงมหาวิทยาลัยในระบบราชการให้เป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาลหรือมหาวิทยาลัย
นอกระบบ ที่คนทั่วไปคุ้นเคยกันได้ถูกจุดประกายมานานเกือบ 30 ปี และเริ่มเด่นชัดขึ้นเมื่อได้มี พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ 2542
ซึ่ง ตามมาตรา 36 กำหนดให้สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคลและอาจจัดเป็นส่วนราชการหรือเป็น
หน่วยงานในกำกับของรัฐ ยกเว้นสถานศึกษาเฉพาะทางตามมาตรา 21 ให้สถานศึกษาดังกล่าวดำเนินกิจการได้โดยอิสระ สามารถ
พัฒนาระบบบริหารและการจัดการที่เป็นของตนเอง มีความคล่องตัว มีเสรีภาพทางวิชาการ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ
สถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งสถานศึกษานั้น ๆ
คำถามที่อยู่ในใจของชาวสงขลานครินทร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัย
ในกำกับของรัฐมีมากมาย
รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้กล่าวถึงการออกนอก
ระบบราชการของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่า การออกนอกระบบนั้นมีปัจจัยในเรื่องการบริหาร 3 ประการคือ เรื่องของเสรีภาพ
ความเป็นอิสระทางวิชาการ ความมีอิสระในเรื่องงบประมาณ และความมีอิสระในเรื่องการบริหารจัดการและการบริหารบุคลากร
ด้วย ซึ่งถ้ามีความคล่องตัวดังกล่าวก็สามารถที่ตัดปัญหาเรื่องระบบราชการออกไปได้ คาดว่าการทำงานก็จะเร็วขึ้น มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น มหาวิทยาลัยก็จะก้าวหน้าไปได้ด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องที่จะต้องปรับตัว เพราะว่าเมื่อเป็นมหาวิทยาลัย
นอกระบบแล้ว ก็จะมีความยืดหยุ่นต่อการปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นศักยภาพของการแข่งขัน
ของเราก็จะสูงขึ้น
เมื่อมองประเด็นความประหยัด น่าจะคุ้มค่าเพราะว่าสามารถบริหารจัดการเรื่องคุณภาพของคนให้มีประสิทธิภาพมาก
ขึ้น เราจะใช้อัตรากำลังคนอย่างคงที่ หากบุคลากรเลือกเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยก็จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นประมาณ 1.7 หรือ 1.5
เท่าของเงินเดือนระบบเดิม โดยแต่ละคนจะมีงานทำมากขึ้น ซึ่งเทียบกับผลลัพธ์น่าจะคุ้มค่ามากกว่าระบบเดิม
จากผลสำรวจความคิดเห็นบุคลากรของสภาอาจารย์เมื่อเดือนกันยายน 2545 พบว่าบุคลากรกว่าร้อยะ 90 ต้องการมี
สถานภาพเป็นข้าราชการมหาวิทยาลัย ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรมหาวิทยาลัยของรัฐ 15 แห่ง จำนวน
12,750 คน ต้องการมีสถานภาพดังกล่าวถึงร้อยละ 87.65
รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่าการที่บุคลากรของมหาวิทยาลัยต้องการ
เปลี่ยนสถานภาพหรือไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ถ้าเขารู้ว่าระบบการเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยดีกว่าสามารถถ่ายโอนกันได้ แต่ถ้า พ.ร.บ.
ไม่ออกมาเราก็จะแย่ตรงที่องค์กรของเรายังอยู่ในระบบราชการ แต่คนเริ่มเป็นพนักงานมากขึ้น ตอนนี้มีพนักงาน 500 กว่าคน ก็
าณกว่าร้อยละ 11 ของข้าราชการ คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า เราจะมีพนักงาน 2,000 กว่าคน ดังนั้นเมื่ออัตรากำลังเกือบครึ่งหนึ่ง
ขององค์กรอยู่นอกระบบ ในขณะที่เรายังอยู่ในระบบราชการ ปัญหาในวันข้างหน้าจึงเป็นเรื่องที่น่าห่วง
สำหรับความคืบหน้าของการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ฉบับใหม่นั้น มหาวิทยาลัย
ได้ส่งร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวไปที่ทบวงมหาวิทยาลัยแล้ว จากนั้นทบวงฯ จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอน
ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่าง พ.ร.บ. ไปสอบถามความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ
ระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง สำนักงาน ก.พ. สำนักงานงบประมาณ ฯลฯ รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข กล่าว
**********************************
|