สุริยุปราคาคือ อุปราคาที่เกิดขึ้นมองเห็นบนโลกโดยดวงจันทร์โคจรผ่านดวงอาทิตย์ และทอดเงามาบนพื้นผิวโลก
ทำให้เกิดปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์มืดไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งในประเทศไทยเราตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นต้นมาจนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบันได้เกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคาแบบ
วงแหวนและแบบเพียงบางส่วน แต่มืดแบบหมดดวง ในประเทศไทยมีเพียง 4 ครั้ง ที่นับได้ว่ามืดมากที่สุดคือครั้งที่ 1
ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2411 ครั้งที่ 2 ที่ตำบลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่
9 พฤษภาคม 2472 ครั้งที่ 3 ที่พระราชวังบางปะอิน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2498 และครั้งที่ 4
ที่อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538
Sir F.W.Dyson นายกกรรมการร่วมประจำในเรื่องสุริยุปราคาของสมาคมนักดาราศาสตร์ในประเทศอังกฤษ
ได้มีหนังสือแจ้งว่าสมาคมนักดาราศาสตร์ได้คำนวณและพยากรณ์ว่าในวันที่ 9 พฤษภาคม 2472 จะเกิดสุริยุปราคาเป็น
บูรณคราสเห็นได้ในบางตำบลในมณฑลปัตตานี โดยได้พยากรณ์ว่าจะเกิดปรากฏการณ์ทำให้เกิดเงามืดขึ้นบนพื้นโลก
เป็นสุริยุปราคาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก มืดมากจนต้องจุดตะเกียง ผู้คนที่ยืนอยู่ห่างกันสองถึงสามวามองหน้าแล้วจำกันไม่ได้
เมื่อแหงนมองดูท้องฟ้าเห็นดาวระยิบระยับเป็นมืดกลางวัน เหตุการณ์ลักษณะนี้คาดว่าประมาณ 400 ปี จะเกิดขึ้นใน
ตำแหน่งเดิมอีกครั้งหนึ่ง สุริยุปราคาที่เกิดขึ้นในลักษณะทางวิชาการเรียกว่าสุริยุปราคาหมดดวง ดวงอาทิตย์จะถูก
ดวงจันทร์เคลื่อนตัวมาปิดบังจนมืดมิดไปหมดทั้งดวง
เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มนักดาราศาสตร์
จากแฟ้มเอกสารเรื่อง จดหมายเหตุการรองรับคณะนักดาราศาสตร์อังกฤษและเยอรมัน ซึ่งมาติดตั้งเครื่อง
ส่องสุริยุปราคาบูรณคราสที่ปัตตานีและโคกโพธิ์ ณ วันที่ 9 พฤษภาคม 2472 เป็นเอกสารแนบประกอบวิชาการของ
นายพลเรือตรีพระยาราชสัน (ซึ่งเป็นประธานกรรมการการจัดการรับรองนักดาราศาสตร์) สรุปเหตุการณ์ได้ว่าเมื่อเดือน
กรกฎาคม 2469 สมาคมดาราศาสตร์ในประเทศอังกฤษ ได้มีหนังสือถึงรัฐบาลไทยเพื่อขอทราบข้อมูลที่จะทำการตั้ง
กล้องสุริยุปราคา ทางรัฐบาลไทยจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อเตรียมการรับรองคณะนักดาราศาสตร์
ซึ่งได้จัดการเหมาก่อสร้างเรือนพักรับรองขึ้น 6 หลัง โดยการออกแบบของอำมาตย์เอกพระยาสฤษดิการบรรจง
ส่วนกลุ่มนักดาราศาสตร์เยอรมันแห่งมหาวิทยาลัยเมืองคีล โดยศาสตราจารย์ ดร.โรเสนเบอร์ก (Profressor Dr.
Resenbery) เป็นหัวหน้าคณะนักดาราศาสตร์ มีนักดาราศาสตร์ร่วมคณะ 6 คน ได้เลือกบริเวณที่ตั้งกล้องบนเนินเขาเตี้ย
(เรียกว่าเขาบูน) อยู่หลังที่ว่าการอำเภอโคกโพธิ์ในปัจจุบันไปทางทิศเหนือประมาณ 200 เมตร และอยู่ห่างจากสถานี
รถไพโคกโพธิ์ประมาณ 400 เมตร
การเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่มณฑลปัตตานี
ในเหตุการณ์รับรองนักดาราศาสตร์อังกฤษและเยอรมันได้กล่าวดังนี้ กำหนดการการเสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร
สุริยุปราคาที่จังหวัดปัตตานี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี เสด็จพระราชดำเนิน
ประพาสมณฑลปัตตานีทางเรือ เพื่อเยี่ยมพสกนิกรและทอดพระเนตรสุริยุปราคา โดยประทับค้างแรมในเรือพระที่นั่ง ในขณะ
ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมค่ายนักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันที่ตำบลโคกโพธิ์ โดยก่อนถึงวันรับเสด็จทางอำเภอ
โคกโพธิ์โดยพระทำนุ นายอำเภอได้มอบท่านขุนอัคนี นายสถานีรถไฟโคกโพธิ์ในขณะนั้นให้เป็นผู้ออกแบบพลับพลา และได้
จัดหาไม้ของการรถไฟหลวงมาสมทบร่วมกับของทางอำเภอให้พระครูมนัสสมณคุณ (สีพุด) ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอใน
ขณะนั้นเป็นหัวหน้าช่างในการก่อสร้างโดยให้พระลูกวัดร่วมกับชาวบ้านดำเนินการสร้างพลับพลาที่ประทับ หน้าที่ว่าการ
อำเภอโคกโพธิ์ มีพสกนิกรคอยรับเสด็จและในการเสด็จครั้งนี้ได้ทรงปลูกต้นโพธิ์ไว้ต้นหนึ่ง บริเวณหลังสถานีรถไพโคกโพธิ์
และในวันที่ 9 พฤษภาคม 2472 ตามจดหมายเหตุรับรองนักดาราศาสตร์อังกฤษและเยอรมันว่า เวลา 09.00 นาฬิกา
เสด็จจากเรือพระที่นั่งไปขึ้นท่าศุลกสถานและเสด็จไปประทับที่จวนเทศา เสวยพระกระยาหารกลางวัน เวลา 11.30 นาฬิกา
เวลา 13.00 นาฬิกา เสด็จค่ายนักดาราศาสตร์อังกฤษ คณะดาราศาสตร์อังกฤษได้จัดกล้องส่องดาวตั้งไว้เป็นพิเศษหน้าปรำ
ที่ฝ่ายบ้านเมืองได้สร้างไว้ โดยจะมีนายโคเฮนกับท่านเอกอัครราชทูตอังกฤษคอยรับเสด็จและนำเสด็จไปยังปรำและคอย
ประจำกราบบังคมทูลเหตุการณ์ต่าง ๆ ตามที่จะมีได้ หลังจากทอดพระเนตรกีฬาชนวัวที่ขบวนรับเสด็จโดยที่ทางจังหวัด
ปัตตานีร่วมกับประชาชนถวายให้
เหตุการณ์ที่ประชาชนในตำบลโคกโพธิ์และในจังหวัดปัตตานีประทับใจและบอกเล่าลูกหลานสืบต่อกันมา
ในช่วงที่ใกล้จะมีเหตุการณ์สุริยุปราคา จังหวัดปัตตานีมีผู้คนพลุกพล่าน มีคนแปลกหน้าเข้ามาเป็นจำนวนมาก
ทั้งคนชาติเดียวกันและต่างชาติ ทางการได้เรียกนายอำเภอประชุมและแจ้งให้กำนันผู้ใหญ่บ้านแจ้งให้ลูกบ้านของตนทราบ
เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกและเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จและการต้อนรับแขกจากที่อื่น
วันที่ 9 พฤษภาคม เวลาเที่ยงกว่า บนท้องฟ้ามีก้อนเมฆเคลื่อนตัวเรื่อย ๆ เข้ามาบังดวงตะวันและแสงตะวัน
ค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆ ทำให้รู้สึกเย็น พอมืดมากเข้า นกเอี้ยง นกบินหลา ร้องทักกันลั่นเหมือนกับว่า นกชุมรัง (นกจะร้อง
ก่อนเข้ารังนอนตอนพลบค่ำ) พวกสัตว์ต่าง ๆ ร้องหาที่นอนมองบนท้องฟ้าก็มืดจนเห็นดวงดาว ประมาณ 2 3 ดวง
มีพวกฝรั่งเยอรมันใช้กล้องใหญ่ส่องกล้องเลือกบริเวณจุดตั้งกล้องให้กับคณะดาราศาสตร์อังกฤษที่บริเวณสนามหญ้าใกล้ศาลา
รัฐบาล มณฑลปัตตานี เมืองปัตตานีในการรับรองคณะนักดาราศาสตร์ ทางประธานจัดการรับรองได้มอบให้สมุหเทศภิบาล
มณฑลปัตตานี
ประชาชนได้มีโอกาสเฝ้ารับเสด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยเชื้อพระวงศ์และข้าราชการ
ชั้นผู้ใหญ่อย่างใกล้ชิด เป็นมิ่งขวัญและมิ่งมงคลอย่างยิ่ง และในวันที่มีเหตุการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาชั่วชีวิต ซึ่งเหตุการณ์
ในครั้งนี้ได้ครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดปัตตานีหมดทั่วทั้งจังหวัด แต่จุดที่มืดมากที่สุดเกิดขึ้นที่ตำบลโคกโพธิ์ เพราะอยู่ใน
แนวรัศมีเวคเตอร์เส้นเดียวกันระหว่างโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์
*********************************
|