รายละเอียด :
|
คำว่า ข้าว สมัยโบราณเรียก เข้า (บางสำเนียงท้องถิ่นออกเสียงว่า เค้า เข่า ข้าว) เป็นพืชแถบร้อน (Tropical)
ซึ่งปลูกกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกในปัจจุบัน ตั้งแต่เอเซียตะวันออก อียิปต์ และประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนอื่น ๆ บราซิล สหรัฐ
อเมริกา ตลอดจนในหมู่เกาะ West India
ประวัติเกี่ยวกับข้าวของชาวไทย
จากหลักฐานทางโบราณคดีเช่น เครื่องปั้นดินเผาและก้อนอิฐที่ขุดพบได้ในประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้มีการ
ปลูกข้าวมาไม่น้อยกว่า 5,500 ปีแล้ว มีนักวิชาการได้ศึกษาหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องข้าวจากร่องรอยแกลบข้าวในอิฐจากโบราณสถาน
ในจังหวัดต่าง ๆ 39 จังหวัด จำนว 108 แห่ง ทำให้ทราบว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 20 มีข้าวชนิดต่าง ๆ จำนวน
3 ขนาดคือ ข้าวเมล็ดใหญ่ได้แก่ ข้าวเหนียวที่ขึ้นงอกงามในที่สูง ข้าวเมล็ดป้อมได้แก่ ข้าวเหนียวที่ขึ้นงอกงามในที่ลุ่ม และข้าว
เมล็ดเรียวได้แก่ ข้าวเจ้า ข้าวแต่ละชนิดพบมากหรือน้อยแตกต่างกันไปตามระยะเวลา ในปัจจุบันดินแดนแถบนี้คงมีเพียงข้าวเมล็ด
ป้อมซึ่งพบมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และข้าวเมล็ดเรียวซึ่งพบมากในภาคกลางและภาคใต้ ส่วนใหญ่ข้าว
เมล็ดใหญ่นั้นสูญพันธุ์ไปแล้ว
พื้นฐานการกินข้าวแต่ดั้งเดิมของคนในตระกูลไทย ลาวก็คือ ข้าวเหนียวหรือข้าวนึ่งมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ก่อนสมัยทวารวดี
แม้ในสมัยทวารวดีก็ยังกินข้าวเหนียวหรือข้าวนึ่งเป็นอาหารหลัก และในสมัยทวารวดีเริ่มมีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับข้าวเจ้า ต่อมา
ภายหลังข้าวเจ้าก็แพร่หลายในภาคกลางและภาคใต้มากกว่าข้าวเหนียว เพราะดินแดนแถบนี้อยู่ใกล้ทะเล มีการติดต่อค้าขายและ
สังสรรค์กับชาวต่างชาติอยู่เสมอ ๆ มากกว่าผู้คนในดินแดนภาคอื่น ๆ ที่อยู่ภายในตอนบน รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ในการปลูกข้าว ตลอดถึงสภาพภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย จึงทำให้ข้าวเจ้าแพร่หลายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยเป็นประเทศ
เกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ซึ่งข้าวนับเป็นธัญพืชเศรษฐกิจของประเทศ นอกจากจะเป็นสินค้า
ส่งออกในอันดับแรก ๆ แล้ว ประเทศไทยยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกอีกด้วย ดังนั้นผลผลิตข้าว
จึงมีความสำคัญต่อการดำรงชีพของชาวนาไทยทุกคน
การทำนาของคนไทยแบ่งตามวิธีการปลูกออกเป็น 3 วิธีคือ
1. การทำนาหยอด เป็นวิธีใช้สำหรับปลูกข้าวไร่ ในสภาพพื้นที่ที่มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับการตกกล้าและปักดำ โดยการหยอด
เมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ในหลุม ๆ ละ 3 5 เม็ด แล้วกลบเมล็ดทิ้งไว้ เมื่อฝนตกข้าวก็จะงอกและเจริญเติบโตต่อไป
2. การทำนาดำ เหมาะสำหรับบริเวณที่มีฝนตกหรือมีน้ำท่วมและพื้นดินเก็บกักน้ำได้ดี เตรียมดินด้วยการไถและคราดให้
พื้นนาเป็นโคลนตม นำต้นกล้าที่กกไว้ในแปลงกล้ามาปักดำในระยะห่างที่เหมาะสม
3. การทำนาหว่าน ส่วนใหญ่เป็นวิธีการสำหรับปลูกข้าวขึ้นน้ำ แต่อาจใช้กับการปลูกข้าวไร่หรือข้าวนาสวนก็ได้ การทำนา
หว่านแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ การหว่านข้าวแห้ง เตรียมดินไว้ด้วยการไถดะและไถแปร จากนั้นนำเมล็ดข้าวไปหว่านแล้วไถหรือ
คราดแกลบอีกครั้ง เมื่อฝนตกหรือปล่อยน้ำเข้าไป ข้าวก็จะงอกงามขึ้น จะมีผลเสียคือข้าวจะขึ้นเป็นระยะห่างไม่สม่ำเสมอกันและมัก
จะมีวัชพืชขึ้นมาด้วย การหว่านข้าวงอก เตรียมดินด้วยการไถดะและไถแปร จากนั้นนำเมล็ดข้าวที่เพาะไว้จนเริ่มงอกแล้วไปหว่าน
สามารถทำได้ดีทั้งในพื้นที่ดอน ซึ่งเรียกว่าการทำนาน้ำตามฝนใหม่และในพื้นที่ลุ่ม ซึ่งเรียกว่านาหว่านน้ำต้องหรือนาหว่านน้ำขัง
ในประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวหลากหลายมาก สามารถจำแนกได้หลายลักษณะเช่น แบ่งตามลักษณะการปรับตัวตามปริมาณน้ำ
เป็นข้าวขึ้นน้ำและข้าวไม่ขึ้นน้ำ แบ่งตามอายุการเก็บเกี่ยวเป็นข้าวหนักและข้าวเบา ซึ่งแบ่งตามคุณภาพของแป้งเป็นข้าวเจ้าและ
ข้าวเหนียว เป็นต้น
พิธีกรรม ความเชื่อ ประเพณีที่เกี่ยวข้อง
ข้าว นอกจากจะมีความสำคัญในการเป็นธัญพืชซึ่งเป็นอาหารหลักของคนไทยแล้ว ข้าวยังมีส่วนสำคัญในการกำหนดวิถีชีวิต
และวัฒนธรรมของไทยมาตั้งแต่อดีต สิ่งเหล่านั้นแฝงอยู่ในเรื่องความเชื่อ ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ ซึ่งกลุ่มชนในแต่ละ
สังคมได้กำหนดระเบียบแบบแผนขึ้น โดยอาจจะมีกรรมวิธีแตกต่างกันออกไปบ้างตามวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้น
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีกรรมที่พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นองค์ประมุขของประเทศได้ทรงมี
พระมหากรุณาต่อชาวนาไทย มีความมุ่งหมายที่จะทำให้เป็นตัวอย่างแก่เกษตรกร ชักนำให้มีความมั่นใจในการทำนา
ผู้เปรียบประดุจดังกระดูกสันหลังของชาติ การที่พระมหากษัตริย็ได้ทรงมีส่วนร่วมในกิจกรรมด้านเกษตร ถือเป็นการบำรุงขวัญ
และเป็นกำลังใจให้แก่เกษตรกรทั่วไป เป็นต้นเหตุของความตั้งมั่นและความเจริญไพบูลย์ทั้งปวง
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ แยกเป็น 2 พิธีคือ พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีทำขวัญเมล็ดข้าวพันธุ์
ข้าวต่าง ๆ เช่น ข้าวเหนียว ข้าวเปลือก ข้าวฟ่าง ข้าวโพด ถั่ว งา เผือก มัน และพืชอื่น ๆ เพื่อให้พืชเหล่านั้นเจริญงอกงาม ปราศจาก
โรค โดยจะประกอบพระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนพระราชพิธีแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธีแรกก่อนที่
ชาวนาจะทำพิธีแรกนาในนาของตนเอง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จพระราชดำเนินไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธี
ณ ท้องสนามหลวง ในพระราชประเพณีนี้สืบต่อกันมาทุกปี
พิธีขอฝน
การทำนายังคงต้องพึ่งพาอาศัยน้ำฝนจากธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาเพาะปลูกแล้วฝนยังไม่ตก ชาวนาจึงต้องทำพิธีขอฝน
ซึ่งมีชื่อเรียกและพิธีกรรมแตกต่างกันไป เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ การโยนครกโยนสากของภาคอีสาน การแห่นางแมวของภาคเหนือ
ภาคกลาง และภาคอีสาน
ความเชื่อเกี่ยวกับพระแม่โพสพ
ชาวนาเชื่อกันว่า แม่โพสพ เป็นผีหรือเทวดาประจำพืชที่มนุษย์เชื่อถือและบูชากราบไหว้ เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืช
ที่ปลูกตามฤดูกาล เชื่อกันอีกว่าเทวดาประจำพืชดังกล่าวมักเป็นผู้หญิง เพราะข้าวเป็นอาหารหลักใช้เลี้ยงชีวิตให้มีสุขภาพดี เปรียบเสมือน
มารดาเลี้ยงลูกให้เติบโตต่อไป
การลงแขก
การลงแขกเป็นชื่อเรียกของภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคกลาง ส่วนภาคใต้เรียกว่าออกปากกินวานหรือขอมือ เป็นประเพณี
ที่สร้างความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ เป็นการรวมกลุ่มแลกเปลี่ยนแรงงาน โดยชาวนาจะขอแรงเพื่อนฝูง ญาติมิตร และเพื่อนบ้าน
ที่อยู่ร่วมชุมชนเดียวกัน มาร่วมกันไถนา ปักดำ เก็บเกี่ยว ตลอดจนเก็บข้าวเข้ายุ้งฉาง เป็นประเพณีอันงดงามที่ก่อให้เกิดความรัก ความ
สามัคคี และความเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน อันจะส่งผลให้สมาชิกในชุมชนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
อาหารที่ทำจากข้าว
คนไทยบริโภคข้าวเจ้าและข้าวเหนียวเป็นอาหารหลักและขนม โดยใช้เมล็ดข้าวที่ยังไม่แปรสภาพและแปรสภาพแล้วดังนี้
- เมล็ดข้าวที่ยังไม่แปรสภาพ คือเป็นข้าวสำหรับบริโภคเป็นอาหารหลัก โดยการหุงข้าวให้ได้เมล็ดสวยด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น
การหุงข้าวแบบเช็ดน้ำ การหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำ การนึ่ง หรือการทำเป็นข้าวต้ม หรือขนมโดยการผสมกับมะพร้าว กะทิ น้ำตาล เช่น
ข้าวเม่า ข้าวเหนียวมันหน้ามะม่วง หน้าสังขยา หน้ากุ้ง ข้าวเหนียวแก้ว ข้าวเหนียวแดง ข้าวหลาม กระยาสารท ข้าวต้มมัด
ข้าวต้มจิ้ม ข้าวต้มลูกโยน ข้าวต้มน้ำวุ้น เป็นต้น
- เมล็ดข้าวที่แปรสภาพแล้ว โดยการนำเมล็ดข้าวแช่น้ำให้นิ่มแล้วนำไปโม่บดละเอียดพร้อมกับน้ำ จากนั้นนำไปกรองและเกรอะ
เอาน้ำออกจนแห้ง แป้งที่ได้จะทำเป็นอาหารและขนมได้ เป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับข้าวสวย เช่น ขนมจีน เส้นก๊วยเตี๋ยว และเป็นขนม
ซึ่งมีทั้งแป้งข้าวเจ้าและข้าวเหนียวเช่น ข้าวญา ขนมอัญชัน ขนมช่อม่วง ตะโก้ ข้าวเกรียบ ขนมครก ขนมถ้วย ขนมดีซำ ขนมลา
กะละแม ขนมหูช้าง ขนมด้วง ขนมเรไร ขนมน้ำดอกไม้ เป็นต้น
ข้าวมีความสำคัญมากกับชีวิตและสังคมของคนไทยมาตั้งแต่อดีตกาล บรรพบุรุษไทยได้เรียนรู้และใช้ภูมิปัญญาในการ
นำเมล็ดพืช (ข้าว) ซึ่งมีลักษณะเป็นเม็ด ๆ ที่ห้อยอยู่กับหญ้า นำมาจัดการให้กินและดัดแปลงเป็นอาหารในรูปแบบต่าง ๆ ได้มากมาย
ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรรย์ยิ่งนัก ฉะนั้นลูกหลานไทยควรหันมามองและคิดถึงสิ่งที่เรียกว่า ข้าว ว่ามีความสำคัญและมีคุณค่าต่อ
บริบทของสังคมไทยมากน้อยเพียงใด และควรปฏิบัติอย่างไรกับข้าววิถีของไทย ก่อนที่จะมองสิ่งนำเข้าจากต่างแดนมาเป็นวิถีของ
ตน เพราะมนุษย์เลือกหนทางที่ดีและเหมาะสมที่สุดในการดำรงชีวิตและเผ่าพันธุ์ของตัว ท่ามกลางเงื่อนไขทางวัฒนธรรมที่แวดล้อม
เขา แล้วเราชาวไทยละควรเลือกสิ่งใดในวิถีที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
***********************************
|