จากความพยายามของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ร่วมกับทบวงมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษา
มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน ได้มีกรมวิชาการตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเริ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการคิดและร่วมมือกัน
เกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นตามลำดับ และสุดท้ายนายกรัฐมนตรีก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย โดยเฉพาะวันที่ 25 ธันวาคม 2545
ความเป็นธรรม ความโปร่งใส และคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมามหาวิทยาลัยทุกแห่งพยายามดำรงไว้และสังคมก็ให้การ
ยอมรับสูงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
จากการติดตามเรื่องนี้ทั้งจากสื่อมวลชนและการเข้าร่วมประชุม ทปอ. ในบางครั้งเห็นว่ายังมีประเด็นสำคัญอีกบางประเด็น
(ที่เป็นหลักการพื้นฐาน) ควรนำเสนอเพื่อความเข้าใจร่วมกันได้แก่
1. ข้อกำหนดที่จะใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาหรือสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาตามข้อตกลงในที่ประชุม ทปอ. (12 ธันวาคม
2545) บางประเด็นยังสับสน ที่สำคัญคือ SAT กล่าวคือเราจะไม่นำ SAT มาใช้โดยตรง แต่ละพัฒนาแนวทางเป็นของเราเองโดย
ใช้ชื่อว่าศักยภาพในการเรียนระดับอุดมศึกษา (ศรอ.) ซึ่งจะไม่วัดด้านเนื้อหาวิชา แต่จะวัดศักยภาพที่ตกผลึกจากการเรียนในระดับ
มัธยมศึกษาที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะว่าการใช้ SAT ในเมืองไทยมีข้อจำกัดหลายประการ
2. National Test เป็นส่วนหนึ่งของการวัด (ประกอบการประเมิน) ด้านเนื้อหาวัดจากการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ที่กระทรวงศึกษาธิการ (กรมวิชาการ) จะดำเนินการสอบรวมซึ่งก็คล้าย ๆ กับระบบเดิมที่ทบวงมหาวิทยาลัยดำเนินการสอบกลาง
(ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา) การมีข้อสอบกลางลักษณะนี้ก็เพื่อความยุติธรรมระดับหนึ่ง
3. ในการพิจารณาผู้สมัครเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษา ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้านตามวัตถุประสงค์หลักของการศึกษา
หรือปรัชญาการศึกษานั่นคือ ต้องพิจารณาในมิติของความเป็นคนเก่ง (วิชาการ) และความเป็นคนดี มีความสุข (จิตใจ / อารมณ์ สังคม
ความประพฤติ) หรือลักษณะอันพึงประสงค์ ทั้งนี้เพราะการศึกษามุ่งพัฒนาคนให้เจริญงอกงามรอบด้าน ไม่ควรเน้นหรือให้ความสำคัญ
เฉพาะวิชาการหรือความเก่งอย่างเดียวแล้วละเลยเรื่องความดี ในทางการศึกษามีความเชื่อว่าความงาม (สุนทรีย์) และความสุขเป็นพื้นฐาน
สำคัญของความดี (คุณธรรม จริยธรรม)
ในประเด็นที่กล่าวมานี้มีหลักการพื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวข้อง 3 ประการ กล่าวคือ
3.1 ที่ผ่านมาการจัดการศึกษาทุกระดับค่อนข้างขาดความเป็นรูปธรรมในการพัฒนาคนด้านความดีและความสุขของ
ผู้เรียนที่เป็นระบบเชื่อมโยงกันในแต่ละระดับการศึกษา
3.2 การจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจะเป็นตัวกำหนดจุดเน้นของการจัดการศึกษาระดับมัธยมศึกษา (และประถม
ศึกษา) โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ในการสอบเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ถ้ามหาวิทยาลัยเน้นการสอบเข้าเฉพาะวิชาการ (ความเก่ง)
โรงเรียนก็จะให้ความสำคัญเฉพาะด้านวิชาการและอาจจะละเลยมิติของการศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นคนดีได้ง่าย จะก่อให้เกิดผลกระทบ
ต่าง ๆ ต่อสังคมตามมาโดยไม่รู้ตัว เช่น ประชากรขาดระเบียบวินัย (ไม่เคารพกติกา) เอาแต่ใจตัวเอง เป็นต้น
3.3 ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 26 กำหนดว่า ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียน
โดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียนการร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการ
เรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา ให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลายในการจัดสรรโอกาสการเข้าศึกษา
ต่อและให้นำผลการประเมินผู้เรียนตามวรรคหนึ่งมาใช้ประกอบการพิจารณาด้วย นั่นคือการกำหนดกรอบ / เกณฑ์การพิจารณารับนิสิต
นักศึกษาเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาที่ ทปอ. ได้กำหนดซึ่งประกอบด้วย 1) GPA 2) PR 3) ข้อสอบกลางระดับชาติรวมกับวิชาเฉพาะ
4) ศักยภาพในการเรียนระดับอุดมศึกษา และ 5) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ นั้นย่อมเป็นไปตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่ง
ชาติ พ.ศ. 2542
อนึ่งเรื่องความงาม ความดี คุณธรรม จริยธรรม หรือที่เรียกรวม ๆ ว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ที่จะสะท้อนจากสมุดพก
แห่งความดี ซึ่งเป็นมิติที่สำคัญของการศึกษานั้น ในกระบวนการศึกษาหรือพัฒนาตลอดจนการวัดและการประเมินผลจะแตกต่างไป
จากกระบวนการและวิธีการทางวิชาการ ที่ประชุม ทปอ. มีมติที่จะทำงานเรื่องนี้กันต่อไป (รวมทั้งเรื่องศักยภาพในการเรียนระดับอุดม
ศึกษา)
4. มหาวิทยาลัยและทบวงมหาวิทยาลัยมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาของการสอบเทียบ (ม.6) ได้แล้ว แต่ขณะนี้มีโจทย์ใหม่เกี่ยวกับ
การกวดวิชา โจทย์ข้อนี้ต้องใช้เวลาในการหาคำตอบอย่างจริงจังร่วมกันกับกระทรวงศึกษาธิการต่อไปโดยการวิจัย เราไม่ควรด่วน
สรุปว่าการกวดวิชามาจากสาเหตุของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพียงสาเหตุเดียว การเลิกระบบการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะทำให้นักเรียน
เลิกการกวดวิชาและนักเรียนจะไม่เครียด เพราะการสอบมากมายนั้นก็น่ารับฟังแต่ไม่ควรด่วนสรุป เพราะมีแง่คิดอีกหลายประเด็นที่ต้อง
ได้รับการศึกษาในเชิงลึก
ในต่างประเทศบางประเทศเขาใช้ผลการเรียนระดับมัธยมศึกษาเป็นเกณฑ์หลักได้ เนื่องจากคุณภาพของโรงเรียนมัธยมทั้งหมดอยู่ใน
ระดับมาตรฐานเดียวกัน สำหรับเมืองไทยยังมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ การปฏิรูปการศึกษาต้องหันมาสนใจเรื่องนี้อย่างจริงจังและเร่งด่วนด้วย
อีกประการหนึ่ง แต่ละมหาวิทยาลัยมีที่นั่งจำกัด ระบบการคัดคนเข้าเรียนตามจำนวนที่กำหนดยังจำเป็นอยู่ แต่เบ็ดเสร็จสุดท้าย
นักเรียนที่จบมัธยมศึกษาปีที่ 6 ทุกคนแต่ละปีก็สามารถมีที่เรียน (ในสถาบันอุดมศึกษาทุกลักษณะ)
********************************
|