: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 5 ฉบับที่ 11 ประจำเดือน 11 2545
หัวข้อข่าว : ม.อ. ส่งเสริมชุมชนใช้แผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองที่ตำบลปะเสยะวอ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
รายละเอียด :
         แผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเอง  เป็นหนึ่งในเครื่องมือหรือแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน  

ซึ่งชุมชนปะเสยะวอ  อ.สายบุรี  จ.ปัตตานี  ได้ตัดสินใจเลือกใช้แนวทางดังกล่าวนี้ภายหลังผ่านกระบวนการเรียนรู้ไปแล้วระยะหนึ่ง

ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก  รับผิดชอบโดยสำนักส่งเสริม  ม.อ. มีทบวงมหาวิทยาลัย

เป็นผู้สนับสนุนงบประมาณ  ดังนั้นตลอดระยะเวลา  5  เดือน  ตั้งแต่เดือนเมษายนจนถึงเดือนกันยายน  2545  ของการดำเนินโครงการฯ  

ชุมชนร่วมกับสำนักส่งเสริมและภาคีที่เกี่ยวข้อง  จึงมุ่งเน้นไปที่การจัดกระบวนการจัดทำแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองให้มีคุณภาพมาก

ที่สุด  เพราะความสำเร็จของการจัดทำแผนแม่บท  ไม่ได้อยู่ที่การทำให้เกิดแผนฯ  และนำแผนฯ  สู่การปฏิบัติเท่านั้น  แต่อยู่ที่คุณภาพ

ของการจัดกระบวนการที่สามารถสร้างการมีส่วนร่วม  การเรียนรู้  และการพึ่งตนเองของคนในชุมชนให้ได้มากที่สุด

         นางบงกช  นภาพงษ์  หัวหน้าฝ่ายบริการวิชาการชุมชน  สำนักส่งเสริมและการศึกษาต่อเนื่อง  และหัวหน้าโครงการ

เสริมสร้างความเข้มแข็ง  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  กล่าวถึงแนวทางการจัดกระบวนการจัดทำแผนแม่บท

ชุมชนพึ่งตนเองของชุมชนปะเสยะวอ  โดยสรุปว่าในระยะแรกของการสร้างความพร้อมนั้น  คณะทำงานแผนแม่บทชุมชนฯ  ซึ่ง

ประกอบด้วยแกนนำชุมชนและบัณฑิตอาสา  ได้เข้าร่วมอบรมทำความเข้าใจเรื่องแผนแม่บทฯ  จากอาจารย์จำนง  แรกพินิจ  

มหาวิทยาลัยทักษิณ  ต่อจากนั้นจึงเดินทางไปศึกษาดูงานชุมชนเข้มแข็งและชุมชนต้นแบบแผนแม่บทฯ  ที่จังหวัดสงขลา  

นครศรีธรรมราช  สตูล  กระบี่  และกลับมาจัดเวลาสรุปผลการศึกษาดูงาน  พร้อมทั้งวางแนวทางขยายผลขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ  

ในแต่ละหมู่บ้านของตำบลปะเสยะวอร่วมกัน

         การขยายผลในระดับพื้นที่  คณะทำงานแผนแม่บทชุมชนฯ  ใช้วิธีการจัดเวทีประชาคมในทุกหมู่บ้าน  เพื่อสร้างความ

เข้าใจเกี่ยวกับแผนแม่บทฯ  และกระบวนการจัดทำแผนแม่บทฯ  รวมทั้งหาอาสาสมัครแต่ละหมู่บ้านที่จะทำหน้าที่สำรวจข้อมูล

หมู่บ้าน  ในขั้นการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำข้อมูลมาใช้ทำแผนแม่บทฯ  ทำโดยประชุมทีมอาสาสมัครเพื่อสร้างความพร้อมและ

ความเข้าใจในการเก็บข้อมูลและแบบสำรวจ  จากนั้นทดลองสุ่มสำรวจในหมู่บ้านนำร่อง  1  หมู่บ้าน  เมื่อได้ผลจึงลงมือสำรวจ

จริง  โดยใช้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ  10  ของครัวเรือนทั้งหมดในแต่ละหมู่บ้าน  การสำรวจเริ่มจากบ้านของอาสาสมัครเองก่อน  แล้ว

ขยายสู่ครัวเรือนใกล้บ้าน  ใช้อาสาสมัครหมู่บ้านละ  10 – 20  คน  ข้อมูลที่เก็บประกอบด้วยประวัติศาสตร์ชุมชน  ข้อมูลประชากร

และครอบครัว  ข้อมูลค่าใช้จ่ายในครัวเรือน  ข้อมูลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ภูมิปัญญาท้องถิ่น  ปัญหาความต้องการและ

ความคาดหวังของชุมชน  รวบรวมข้อมูลที่เก็นได้จากทั้ง  7  หมู่บ้าน  ในขั้นนี้ได้จัดประชุมทีมอาสาสมัครอีกครั้ง  เพื่อร่วมตรวจ

สอบความถูกต้องของข้อมูลและวิเคราะห์ร่วมกัน  ก่อนที่จะสรุปผลเขียนเป็นร่างรายงานข้อมูลประกอบการทำแผนแม่บทฯ  ซึ่ง

ขณะนี้ร่างรายงานฯ  ฉบับดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ขั้นตอนต่อไปจะจัดเวทีในระดับตำบล  เพื่อนำเสนอผลการศึกษาข้อมูลและ

ร่วมแลกเปลี่ยน  ตรวจสอบวิเคราะห์  สังเคราะห์ข้อมูลกับแกนนำชุมชนให้สมบูรณ์ถูกต้องยิ่งขึ้น  ก่อนที่จะจัดเวทีเพื่อเข้าสู่กระบวน

การนำข้อมูลมาจัดทำแผนแม่บทต่อไป  ทั้งนี้ตลอดกระบวนการที่กล่าวมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างจากนักพัฒนาองค์กรเอกชน  

(NGO)  มาช่วยหนุนเสริมกระบวนการ  จะเห็นได้ว่ากิจกรรมต่าง  ๆ  ที่เกิดขึ้น  ตลอดจนกระบวนการ  มาจากการมีส่วนร่วม  

คิดเอง  ทำเองของคนในชุมชนทุกระดับ  บุคลากรของมหาวิทยาลัย  NGO  และภาคีอื่น  ๆ  เป็นผู้หนุนเสริมกระบวนการเท่านั้น  

กิจกรรมต่าง  ๆ  ที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเข้มข้นซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจัดเวทีในพื้นที่  การประชุมปรึกษาหารือ  ศึกษาดูงาน  ฝึกอบรม  

ก็มีส่วนช่วยอย่างมากให้คนในชุมชนได้เรียนรู้ร่วมกัน  โดยเฉพาะในกระบวนการเก็บข้อมูลนั้น  ชุมชนได้มีโอกาสเรียนรู้ประวัติ

ศาสตร์ความเป็นมาของชุมชน  รู้ข้อมูลในครอบครัวตนเอง  รายรับ – รายจ่าย  หนี้สิน  สภาพเศรษฐกิจชุมชน  ที่เดิมเคยพึ่งพา

ตนเองได้แต่ปัจจุบันกลับต้องพึ่งพาภายนอกเกือบทั้งหมด  ได้เรียนรู้ทุนหรือแผนที่ขุมทรัพย์ในชุมชน  และทุกข์หรือปัญหาที่ชุมชน

ประสบ  ซึ่งการได้รู้จักตนเองและชุมชนอย่างลึกซึ้งตามข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ได้เก็บรวบรวมมาด้วยตนเอง  จะนำไปสู่การจัดทำ

แผนแม่บทฯ  ที่จะช่วยขยายทุนและขจัดทุกข์ที่มีประสิทธิผลเหมาะสม  สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของชุมชน  นอกจากนี้

กิจกรรมที่มีการปฏิสัมพันธ์ตลอดเวลา  ยังทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีของคนในชุมชน  ได้คน  ได้เพื่อน  ได้ความสนิทสนม

ไว้เนื้อเชื่อใจกันและเกิดเครือข่ายคนทำงานในระดับตำบล  เชื่อมต่อกับมหาวิทยาลัยและองค์กรพันธมิตร  ที่สำคัญมี

ส่วนกระตุ้นสำนึกรักและห่วงแหนถิ่นเกิด  เพราะชุมชนได้มีโอกาสศึกษาคุณค่าและของดีต่าง  ๆ  ที่มีอยู่ในชุมชน  รวมถึงการ

ตระหนักในศักยภาพความสามารถที่มีอยู่ในตัวเองและชุมชน  เกิดความมั่นใจมากขึ้นที่จะใช้ศักยภาพภายในขับเคลื่อนงาน

พัฒนาโดยพึ่งตนเองเป็นหลัก”  นางบงกชกล่าวถึงผลที่เกิดจากกระบวนการจัดทำแผนแม่บท

         นางบงกช  นภาพงษ์  ยังกล่าวด้วยว่าชุดประสบการณ์ที่ได้จากการจัดกระบวนการฯ  ที่ชุมชนปะเสยะวอครั้งนี้จะได้นำไป

เผยแพร่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับชุมชนอื่น  ๆ  นักวิชาการ  นักพัฒนา  ภาครัฐ  ภาคเอกชนและในระดับนโยบาย  อันจะเป็นประโยชน์

ต่อการพัฒนางานด้านชุมชนเข้มแข็ง  และแผนแม่บทชุมชนพึ่งตนเองต่อไป

         “แม้ว่าการดำเนินโครงการฯ  ตามแผนงบประมาณจะสั้นมากคือ  5  เดือน  ก็เสร็จแล้ว  แต่เราก็จะทำหน้าที่ประสานกลุ่ม

องค์กรเครือข่ายที่ร่วมงานกันมา  เพื่อช่วยขยายผลและหนุนเสริมกิจกรรมต่าง  ๆ  ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องชัดเจนที่ชุมชนปะเสยะวอ  

จนถึงขั้นนำแผนแม่บทฯ  ไปปฏิบัติใช้  เท่าที่ประชุมปรึกษาหารือกันก็จะมีการทำงานหลายอย่างร่วมกันต่อไป  อาทิ  โครงการชีวิต

สาธารณะท้องถิ่นน่าอยู่  เมืองน่าอยู่  และทำงานวิจัยเศรษฐกิจระดับอำเภอ  รวมถึงงานวิจัยท้องถิ่นในประเด็นที่เป็นทั้งทุนและทุกข์

ที่ชุมชนประสบเช่น  เรื่องที่เกี่ยวกับน้ำบูดู  ใบจาก  ที่พบมากที่นั่นและปัญหาขยะ  ซึ่งต้องหาวิธีการจัดการที่ดี”  นางบงกชกล่าว

ตอนท้าย



                                                                                      ***********************************

โดย : 192.168.148.54 * [ วันที่ 2005-04-10 19:01:14 ]