การพัฒนางานวิจัย เป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ซึ่งประกาศตัวตนอย่างเปิดเผยว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยที่เน้นการวิจัย เพื่อสร้างองค์ความรู้และ
นวัตกรรมการก้าวไปสู่มหาวิทยาลัยนอกระบบ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยฉบับใหม่ในปี
2546 ยิ่งตอกย้ำทิศทางที่เด่นชัดของสถานภาพในด้านการวิจัย รวมทั้งการบริการทางวิชาการ
ท่ามกลางกระบวนการนี้ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้เสนอมาตรการใหม่ต่าง
แบบออกมาให้คณะและสถาบันที่อยู่ภายใต้เงาของมหาวิทยาลัยต้องปฏิบัติตาม เพื่อเตรียมพร้อม
เข้าสู่ระบบใหม่ มาตรการดังกล่าวคือการสร้างระบบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา โดยกำหนด
ดัชนีชี้วัดการประกันคุณภาพในทุกด้าน นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังได้กำหนดนโยบาย แผนกลยุทธ์
แผนงานระยะสั้นและระยะยาวของมหาวิทยาลัย เพื่อประกันความก้าวหน้าของระบบเอาไว้
ประเด็นที่น่าพิจารณาก็คือ การพัฒนาการวิจัยทางมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
ในความหมายที่แท้จริงอันประกอบขึ้นมาด้วยปรัชญา ค่านิยม และภูมิปัญญา ซึ่งมีลักษณะที่
นามธรรมและซับซ้อนนั้นจะสอดคล้องกับมาตรการและกระบวนการประกันคุณภาพทางการศึกษา
รวมทั้งแผนกลยุทธ์ดังกล่าวข้างต้นหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีคำถามที่ว่าแนวคิดในการวางแผนและ
การพัฒนามหาวิทยาลัยที่พูดถึงกันกับแนวคิดเรื่องการสร้างองค์ความรู้ทางวิชาการในศาสตร์ที่
เกี่ยวกับมนุษย์และสังคมนั้นเดินไปด้วยกันหรือไม่ การที่จะทำให้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยที่
"มีการวิจัยอย่างเป็นระบบเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์" ตามที่มหาวิทยาลัย
คิดนั้นมีความหมาย เนื้อหาสาระและกระบวนการที่เชื่อมโยงกันได้กับองค์ความรู้ทางวิชาการมนุษย
ศาสตร์และสังคมศาสตร์หรือไม่
ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือ สิ่งที่มหาวิทยาลัยกำหนดให้เป็นองค์ประกอบคุณภาพและ
กรอบแนวคิดการประกันคุณภาพ ได้กลายมาเป็นการจัดโครงสร้างและกลไกทางสถาบันใหม่ของ
มหาวิทยาลัย มาตรการ เป้าหมาย และตัวชี้วัดคุณภาพการศึกษาและการวิจัยนั้น เป็นภาวะสถาบัน
ในรูปแบบใหม่ซึ่งต้องมีฐานความคิดและองค์ความรู้ที่แน่นอนชุดหนึ่งมารองรับ แต่ทว่าในการสร้าง
สถาบันวิชาการที่มีคุณภาพแบบยั่งยืนนั้น ฐานความคิดและองค์ความรู้ที่มารองรับจะต้องสะท้อน
ความเป็นไปของโลกและความเป็นจริงของชีวิตมนุษย์และสังคมที่หลากหลาย
ด้วยเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการเป็นสถาบันทางวิชาการซึ่งเป็นศูนย์รวมขององค์ความรู้
และภูมิปัญญาของสังคมนั้น ไม่ใช่จะได้มาจากการออกนอกระบบราชการและเป็นการสร้างเทคนิค
ใหม่ โดยใช้ฐานความคิดที่มองโลกแบบเป็นเสี้ยวเป็นส่วนและตัดแยกออกจากกัน อีกทั้งยังไม่ได้
เกิดจากการกำหนดองค์ประกอบและตัวชี้วัด ซึ่งได้มาจากความรู้ของผู้ชำนาญการด้านการวางแผน
และประกันคุณภาพแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องเกิดจากการระดมสติปัญญาและสังเคราะห์ความรู้
ที่หลากหลายต้องเกิดจากการเรียนรู้และปรับตัวร่วมกันของคนในประชาคมวิชาการเองในองค์กร
แห่งการเรียนรู้นั้น มนุษย์ต้องการการพัฒนาที่เกิดจากเหตุผลโดยเนื้อหาสาระ มิใช่การใช้เหตุผล
ทางวิชาการที่เป็นเพียงแค่เปลือกนอก นี่เป็นเหตุผลและที่มาของการที่ประชาคมวิชาการคณะมนุษย
ศาสตร์และสังคมศาสตร์ จะต้องมาช่วยกันระดมความคิด มาร่วมสร้างเวทีสาธารณะในคณะเพื่อ
กำหนดแนวคิดและวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนางานวิจัยด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ของ
เราเอง ประชาคมแห่งนี้ต้องช่วยกันเสนอแนวคิดจากแง่มุมที่หลากหลายช่วยกันพูดถึงปรัชญา
แนวคิดพื้นฐานของวิชาการและการวิจัย สรุปประสบการณ์ข้อดีข้ออ่อนในการพัฒนางานวิชาการ
ของคณะ ประเมินค่าขององค์ประกอบและตัวชี้วัดการประกันคุณภาพการวิจัยของคณะ เพื่อ
กำหนดอนาคตและทิศทางการพัฒนาการวิจัยของเราต่อไป
**************************
|