: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 2 ฉบับที่ 11 ประจำเดือน 11 2542
หัวข้อข่าว : นักวิชาการ ม.อ. พบการแก้ปัญหาการพักตัวของหมากแดง
รายละเอียด :
                     คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ศึกษาการพักตัวและอายุการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หมากแดง  

พบการตัดกะลา  การรดด้วยโพแทสเซียมไนเตรดและแช่น้ำพรุเป็น  3  วิธี  ที่ทำให้เมล็ดงอกงามได้ดีและน้ำจากพรุยังสามารถรักษาเมล็ด

พันธุ์ไว้ได้นานที่สุด

         รายงานข่าวจากแผนกวิชาเทคโนโลยีการเกษตร  ภาควิชาเทคโนโลยีและการอุตสาหกรรม  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  แจ้งว่านักวิชาการของคณะซึ่งประกอบด้วยนานวิชัย  หวังวโรดม  ผศ. นงนุช  วงศ์สินชวน  

นายสุจริต  ส่วนไพโรจน์  และนายมนูญ  ศิรินุพงศ์  ได้ทำการวิจัยเรื่องการพักตัวและการอายุการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หมากแดง  ซึ่งหมากแดง

เป็นพืชในตระกูลปาล์ม  ขึ้นได้ดีในป่าพรุ  มีแพร่กระจายอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างเช่น  จังหวัดนราธิวาสและปัตตานี  และจากการที่เป็นพืช

ที่มีลำต้นและใบสวยงามกล่าวคือ  บางส่วนของลำต้นและก้านใบเป็นสีแดง  จึงได้รับความนิยมในวงการไม้ประดับ  แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่า

หมากประดับชนิดอื่น  การขยายพันธุ์หมากแดงทำได้ด้วยการนำเมล็ดพันธุ์ที่สุกแก่มาเพาะและการแยกหน่อ  การเพาะเมล็ดพันธุ์ทำให้ได้ต้น

กล้าจำนวนมากในคราวเดียวกัน  แต่เมล็ดพันธุ์หมากแดงใช้เวลาในการงอกนานระหว่าง  4 -6  เดือน  เนื่องจากเมล็ดพันธุ์หมากแดงมีระยะ

การพักตัวในช่วง  1 - 4  เดือน  นอกจากนี้ยังขาดข้อมูลทางวิชาการในการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์  คณะนักวิชาการของมหาวิทยาลัยจึงได้ทำ

การศึกษาวิจัยเรื่อง  การพักตัวและอายุการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หมากแดงขึ้น

         วิธีการศึกษาการแก้การพักตัวของเมล็ดพันธุ์หมากแดง  คณะผู้วิจัยได้ใช้วิธีต่าง  ๆ  ดังนี้

         1.  ไม่ควบคุม

         2.  ตัดกะลาด้านที่มีต้นอ่อนหรือด้านขั้ว

         3.  แช่น้ำ  15  วัน  และเปลี่ยนน้ำใหม่ทุกสัปดาห์ก่อนที่จะนำไปเพาะ

         4.  แช่น้ำจากพรุ  15  วัน  เปลี่ยนน้ำใหม่ทุกสัปดาห์ก่อนนำไปเพาะ

         5.  รดสารละลายโพแทสเซียมไนเตรทแทนน้ำ  ตลอดการทดลอง

         ผลการทดลองพบว่าเมล็ดพันธุ์หมากแดงที่นำมาศึกษามีการพักตัวระยะหนึ่ง  ในช่วง  1 - 4  เดือนแรก  เมล็ดพันธุ์มีความ

งอกเพียง  11.25 %  ขณะที่เมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการแก้พักตัวด้วยการตัดกะลาแช่น้ำพรุ  15  วัน  และรดด้วยโปตัสเซียมไนเตรทมีความงอก

เฉลี่ยทั้ง  3  วิธีเท่ากับ  37.33 %  อย่างไรก็ตามผลการแก้การพักตัวด้วยวิธีต่าง  ๆ  พบว่าส่วนใหญ่ทำให้เปอร์เซ็นต์ความงอกหลังจาก

เพาะนาน  6  เดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  ส่วนการตัดกะลาช่วยเร่งให้เมล็ดพันธุ์งอกเร็วขึ้น  แต่ไม่ได้ทำให้จำนวนความงอกเพิ่มขึ้น  แสดงให้

เห็นว่าการพักตัวของเมล็ดพันธุ์หมากแดงไม่น่าจะมีสาเหตุมาจากเปลือกขัดขวางการผ่านเข้าออกของน้ำ  ส่วนการแช่น้ำ  15  วัน  ทำให้

ความงอกและดัชนีความเร็วในการงอกลดต่ำลง  เนื่องจากเป็นสภาพที่ก่อให้เกิดการเสื่อมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์

         สำหรับวิะการแก้การพักตัวที่ทำให้เมล็ดพันธุ์งอกได้เร็วขึ้นเพราะเหตุผลดังนี้  การตัดกะลาทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดบางลง  ส่วน

น้ำพรุมีองค์ประกอบของกรดอินทรีย์บางชนิดเจือปนอยู่เช่น  กรดฮิวมิค  กรดฟูลริค  และมี  PH  ประมาณ  5.0 - 5.3  กัดกร่อนเมล็ดพันธุ์  

ทำให้ต้นอ่อนสามารถงอกและแทงทะลุออกมาได้ง่ายและเร็วขึ้น  นอกจากนี้การแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำพรุยังเป็นสภาพที่คล้ายคลึงกับปัจจัยทาง

ธรรมชาติจริง  ซึ่งมีผลให้เมล็ดพันธุ์งอกได้เร็ว  ส่วนการรดโพแทสเซียมไนเตรทสามารถเร่งให้ต้นอ่อนหมากแดงเจริญเติบโตเร็วขึ้นได้นั้น  

มีรายงานว่าไนเตรทสามารถกระตุ้นการงอกของเมล็ดพันธุ์ต่าง  ๆ  ได้

         สำหรับการศึกษาอายุการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หมากแดง  ผู้วิจัยได้ทำการเก็บรักษา  7  วิธีได้แก่

         1.  การเก็บรักษาในน้ำร่วมกับการเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์

         2.  เก็บรักษาในน้ำโดยไม่เปลี่ยนน้ำตลอดการเก็บรักษา

         3.  เก็บรักษาในน้ำผสมสารฆ่าเชื้อราร่วมกับการเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์

         4.  เก็บรักษาในน้ำผสมสารฆ่าเชื้อราร่วมกับการไม่เปลี่ยนน้ำตลอดการเก็บรักษา

         5.  เก็บรักษาในสภาพแห้งร่วมกับการคลุกสารฆ่าเชื้อรา

         6.  เก็บรักษาในสภาพแห้ง

         7.  เก็บรักษาในน้ำพรุร่วมกับการเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์

         ผลการศึกษาพบว่าเมล็ดพันธุ์หมากแดงสามารถเก็บรักษาในน้ำพรุได้นานที่สุดถึง  2.5  เดือน  กล่าวคือการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์

นาน  2.5  เดือนในน้ำโดยเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์  อัตราความงอกอยู่ที่  36 %  เก็บรักษาเมล็ดพันธุ์โดยไม่เปลี่ยนน้ำ  มีอัตราความงอก  24.50 %  

เก็บรักษาในน้ำพร้อมทั้งเติมสารฆ่าเชื้อราและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์มีความงอก  42 %  เก็บรักษาในน้ำที่สารฆ่าเชื้อราและไม่เปลี่ยนน้ำ  ความ

งอก  14.50 %  เก็บรักษาในสภาพแห้งคลุกสารฆ่าเชื้อราไม่มีการงอก  เก็บรักษาไว้ในสภาพแห้งไม่มีการงอก  และโดยวิธีเก็บรักษาไว้ในน้ำ

พรุและเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์  อัตราความงอก  87 %

         สรุปได้ดังนี้

         1.  เมล็ดพันธุ์หมากแดงที่นำมาศึกษามีอัตราการงอกในช่วง  4  เดือนแรกหลังเพาะเพียง  11.25  เปอร์เซ็นต์

         2.  การแก้การพักตัวด้วยการตัดกะลา  การแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำพรุ  15  วัน  และการรดโพแทสเซียมไนเตรท  ช่วยให้เมล็ดพันธุ์

มีความงอกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  แต่ทั้งสามวิธีนี้ช่วยเร่งให้เมล็ดพันธุ์งอกเร็วขึ้น

         3.  เมล็ดพันธุ์หมากแดงที่แก้การพักตัวด้วยการตัดกะลา  การแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำพรุ  15  วัน  และการรดโพแทสเซียมไนเตรท  

มีความงอกมากกว่า  50  เปอร์เซ็นต์  ในระยะเวลา  5  เดือนหลังเพาะ  แต่เมล็ดพันธุ์ที่ไม่ผ่านการแก้พักตัว  ใช้เวลานาน  6  เดือนหลังเพาะ  

จึงมีความงอกกว่า  50  เปอร์เซ็นต์

         4.  การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ในน้ำทำให้ความงอกและดัชนีความเร็วในการงอกของเมล็ดพันธุ์ลดลง

         5.  การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์หมากแดงในน้ำพรุร่วมกับการเปลี่ยนน้ำทุกสัปดาห์  สามารถรักษาความมีชีวิตของเมล็ดพันธุ์ได้นาน

ที่สุด  โดยเมล็ดพันธุ์ยังคงมีความงอกสูงถึง  87.00  เปอร์เซ็นต์  หลังเก็บรักษานาน  2.5  เดือน  และเมล็ดพันธุ์ที่เก็บรักษาในสภาพนี้นาน  1  

เดือน  สามารถงอกได้สูงถึงกว่า  88  เปอร์เซ็นต์



                                                                                            ****************











โดย : 203.154.179.21 * [ วันที่ 2001-06-24 12:21:06 ]