: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 2 ฉบับที่ 08 ประจำเดือน 08 2542
หัวข้อข่าว : วิทยาลัยอิสลามศึกษากับการสนองความต้องการของชุมชนมุสลิมในภูมิภาคจังหวัดชายแดนภาคใต้
รายละเอียด :
                    การพัฒนาวิชาการในภูมิภาคนี้เพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของสังคมในท้องถิ่น  เป็นภารกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัยภูมิภาค  

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ได้กำหนดเป้าหมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาอันเป็นรากฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและ

สังคม  เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและเสมอภาคของประชาชน  และเพื่อเป็นแหล่งบริการวิชาการชุมชนทั้งในชนบทและในเมือง

         วิทยาลัยอิสลามศึกษา  ได้รับอนุมัติจัดตั้งในปี  2532  เป็นส่วนราชการที่มีฐานะเทียบเท่าคณะ  ทั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางการ

ศึกษา  ศาสนา  ศิลปะและวิทยาการเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม  และตอบสนองความต้องการของชุมชนมุสลิมในการศึกษาศาสนาระดับสูงที่มี

คุณภาพและมีมาตรฐานที่ได้รับการรับรองคุณวุฒิ  ปัจจุบันวิทยาลัยอิสลามศึกษาได้เปิดสอน  3  สาขาวิชาคือ  สาขาวิชาอิสลามศึกษา  

สาขาวิชาครุศาสตร์อิสลาม  และสาขาวิชากฎหมายอิสลาม  นอกจากนั้นทางวิทยาลัยได้เปิดสอนระดับบัณฑิตศึกษาอีก  1  สาขาคือ  สาขา

วิชาอิสลามศึกษา  โดยมีนักศึกษาจำนวน  224  คน  มีอาจารย์และบุคลากร  35  คน  และยังเป็นวิทยาลัยของรัฐแห่งเดียวในประเทศ  เพื่อ

ทำหน้าที่ผลิตบัณฑิตเพื่อรับใช้สังคมมุสลิมและประเทศ  นอกจากนั้นยังมีภารกิจบริการชุมชนหลายอย่าง  อาทิ  การอบรมสัมมนา  การ

บรรยายทางวิชาการ  กิจกรรมต่าง  ๆ  เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากชุมชนในภูมิภาคจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างดี

         มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาวิชาการในภูมิภาคนี้  ให้สอด

คล้องกับวิถีชีวิตของสังคมในท้องถิ่น  จึงให้การสนับสนุนกิจการต่าง  ๆ  ของวิทยาลัยอิสลามศึกษา  ทั้งในเรื่องผลิตบัณฑิต  ด้านการวิจัย  

ด้านทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรม  และด้านบริการวิชาการชุมชน  จากหน้าที่ดังกล่าวเป็นผลให้วิทยาลัยอิสลามศึกษา  เล็งเห็นความสำคัญ

ของชุมชนจึงได้สร้างมัสยิดหรือศาลาละหมาดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย

         อาจารย์หะสัน  หมัดหมาน  ผู้อำนวยการวิทยาลัยอิสลามศึกษา  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  กล่าวว่า

วิทยาลัยอิสลามศึกษาได้จัดสร้างมัสยิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัย  เพื่อใช้ในการประกอบศาสนกิจและกิจกรรมของนักศึกษาและเป็นศูนย์การ

บริการวิชาการแก่ชุมชนมุสลิมภายในมหาวิทยาลัยและใกล้เคียง  โดยใช้งบประมาณก่อสร้าง  7,500,000  บาท  (เจ็ดล้านห้าแสนบาทถ้วน)  

ลักษณะการก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามท้องถิ่นประยุกต์  รูปทรงแปดเหลี่ยม  พื้นที่ภายในอาคารประมาณ  600  ตารางเมตร  พื้นที่

รอบนอกประมาณ  1,470  ตารางเมตร  ความจุของผู้ละหมาดประมาณ  400 - 500  คน  ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน  2542  

และได้ทำพิธีเปิดมัสยิดหรือศาลาละหมาด  เมื่อวันที่  24  กรกฎาคม  ที่ผ่านมา  โดยมีนายสวาสดิ์  สุมาลยศักดิ์  จุฬาราชมนตรี  เป็นประธาน  

โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนจากในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมพิธีเปิด  อาทิ  ฯพณฯ  นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา  ประธาน

รัฐสภา  นายสวาสดิ์  สุมาลยศักดิ์  จุฬาราชมนตรี  ดาโต๊ะนิอับดุลอาซิส  บินนิมะ  มุขมนตรีรัฐกลันตัน  ประเทศมาเลเซีย  ศาสตราจารย์

มูฮำมัดตุลล่าห์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกัมพูชา  และคณะทูตานุทูตประเทศมุสลิม

         ผู้อำนวยการวิทยาลัยอิสลามศึกษา  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ได้กล่าวต่อไปว่าตามหลักศาสนาอิสลาม

แล้ว  สถานที่ละหมาดหรือมัสยิดไม่ใช่เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจอย่างเดียว  มัสยิดยังมีบทบาทอีกหลายประการด้วยกัน  มัสยิดเป็นศูนย์รวม

ของการปรึกษาหารือ  เป็นสถานที่ศึกษาอบรมวิชาการอิสลามและวิชาชีพ  เป็นสถานที่ฟูมฟักอีมาน  (การศรัทธา)  และเพิ่มพูนปัญญา  มัสยิด

เป็นสมบัติสาธารณะไม่ใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง  ทุกคนต้องมีหน้าที่ช่วยกันดูแลรักษา  เมื่อมีมัสยิดหรือศาลาละหมาดแล้วก็ต้องมีคณะกรรมการ

ดำเนินการและบริหารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ  สมกับเป็นมัสยิดที่อยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัย  เช่น  การจัดสำนักงาน  การจัดเอกสาร  

การจัดห้องสมุด  และอื่น  ๆ  สามารถเป็นต้นแบบของมัสยิดอื่น  ๆ  ให้มาศึกษาดูงานและนำไปปฏิบัติไปใช้ในการบริหารงานมัสยิดต่อไป

         นายสวาสดิ์  สุมาลยศักดิ์  จุฬาราชมนตรี  กล่าวว่ารู้สึกปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นอาคารศาลาละหมาดแห่งนี้  เป็นศาลา

ละหมาดที่สวยสง่า  พี่น้องทุกคนต้องขอบคุณรัฐบาลที่ได้อนุมัติเงินงบประมาณในการก่อสร้างศาลาละหมาดแห่งนี้  นับว่าเป็นความภาค

ภูมิใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องมุสลิม  นอกจากนั้นแล้วเป็นสิ่งที่จะเชิดหน้าชูตาให้กับมหาวิทยาลัยเมื่อมีผู้มาเยือน

         นอกจากนี้  ฯพณฯ  นายวันมูหะมัดนอร์  มะทา  ประธานรัฐสภา  ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกว่า  "รู้สึกดีใจและปลื้มใจอย่างมาก

ที่ได้เห็นมัสยิดหรือศาลาละหมาดเกิดขึ้นภายในสถาบันการศึกษาและมีความเหมาะสม  เพราะมัสยิดไม่ใช่สถานที่ประกอบศาสนกิจอย่างเดียว  

แต่เป็นศูนย์รวมของการศึกษาอบรมวิชาการและเป็นสถานที่ทำกิจกรรมของนักศึกษาและชุมชน

         วิถีชีวิตของสังคมในท้องถิ่นย่อมมีความแตกต่างตามความเชื่อศาสนา  ขนมธรรมเนียม  ประเพณี  และวัฒนธรรม  แต่นโยบาย

หนึ่งของวิทยาลัยอิสลามศึกษา  ซึ่งเป็นภารกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัยย่อมใช้การพัฒนาสังคม  ณ  ที่นี้  อยู่บนบรรทัดฐานของหลักการอิสลาม  

เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของสังคมมุสลิม



                                                                                           *****************

















โดย : 203.154.179.21 * [ วันที่ 2001-06-23 11:34:55 ]