สภาพปัญหาและความจำเป็นในการปรับเปลี่ยน
ในระยะเวลาที่ผ่านมาการบริหารมหาวิทยาลัยได้ยึดโยงอยู่กับระบบราชการมาอย่างแน่นแฟ้น ทั้งระบบการบริหารงานบุคคล
การบริหารงบประมาณ การเงิน และการพัสดุ โดยมีระบบการควบคุมและกำกับดูแลที่เป็นไปภายใต้กฎเกณฑ์ของระบบราชการที่ถือปฏิบัติ
กันโดยทั่วไป สำหรับกรม กองของระบบราชการ การดำเนินการต่าง ๆ ต้องยึดถือกฎเกณฑ์และระเบียบต่าง ๆ โดยเคร่งครัด ซึ่งในบาง
กรณีก็อาจขัดกับลักษณะการบริหารมหาวิทยาลัยที่ต้องการความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และความฉับไวในการดำเนินการ เพื่อให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงที่สนองตอบความก้าวหน้าทางวิชาการได้ ทางด้านการบริหารงานบุคคลก็ประสบปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะการที่ไม่สามารถ
ดึงดูดคนดี คนเก่งให้เข้าสู่มหาวิทยาลัยได้ อันเข้ากับลักษณะ "รักษาคนดีไว้ไม่ได้ คนเก่งภายนอกก็ไม่อยากเข้ามาร่วม คนไม่เหมาะสมก็
เอาออกยาก" การกำหนดค่าตอบแทนที่เป็นธรรมก็ไม่อาจกระทำได้ เพราะยังคงความเป็นข้าราชการอยู่ ปัญหาการบริหารด้านการเงิน
ทรัพย์สิน และงบประมาณ รวมทั้งการพัสดุนั้น ดูว่าจะเป็นสิ่งที่มีความอึดอัดในการปฏิบัติกันมาโดยตลอด และได้มีความต้องการที่จะ
ให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้มีระบบและระเบียบว่าด้วยการเงินและทรัพย์สินและการพัสดุของตนเองมาเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งมีคำพูดเสมอ
ว่า ถ้าไม่เป็นระบบราชการก็จะสะดวกกว่านี้และมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
ความไม่คล่องตัวและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นกรอบในการบริหารมหาวิทยาลัยตามระบบราชการเหล่านี้ถูกยกมาเป็นข้ออ้างโดย
ตลอดว่า เป็นเหตุแห่งความไม่มีประสิทธิภาพของการบริหารมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดภาวะวิกฤตในการปฏิบัติภารกิจของมหาวิทยาลัยใน
ด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงคุณภาพของการผลิตบัณฑิตและการวิจัย อันเป็นภารกิจหลักของมหาวิทยาลัยอยู่ด้วย
ตราบใดที่มหาวิทยาลัยยังอยู่ในระบบราชการ การแก้ไขเหตุแห่งความไม่มีประสิทธิภาพคงกระทำได้ยาก เพราะจำเป็นต้อง
แก้ไขในหลายจุดและบางครั้งก็ไม่อาจกระทำได้ เนื่องจากหากมีการแก้ไขแล้วก็จะกระทบไปถึงส่วนราชการอื่นด้วยเช่น การปรับโครงสร้าง
อัตราเงินเดือน เป็นต้น ซึ่งได้มีความพยายามที่จะทำกันมานานแล้ว
ดังนั้นการแก้ปัญหาแห่งความไม่คล่องตัวและความไม่มีประสิทธิภาพในการบริหาร จึงจำเป็นต้องกระทำทั้งระบบและแยก
ออกมาจากระบบราชการโดยเด็ดขาด แล้วมอบอำนาจในการบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้กับมหาวิทยาลัย อันจะทำให้มหาวิทยาลัยมีอิสระ
ในการพัฒนาและบริหารตนเองที่สอดคล้องกับปรัชญาและจุดมุ่งหมายของมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้มหาวิทยาลัยที่มิได้อยู่ในระบบ
ราชการนี้ ก็ยังคงมีความยึดโยงกับรัฐโดยตรง โดยจะยังคงสภาพความเป็นหน่วยงานของรัฐอยู่เช่นเดิม เพียงแต่มีอิสระในการบริหารและ
กำกับดูแลตนเองทุกด้านเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือได้ว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของระบบการบริหารมหาวิทยาลัยของประเทศ
ไทย ซึ่งย่อมจะต้องมีผลกระทบต่อบุคลากรทุกประเภทในมหาวิทยาลัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตัวบุคคล
ผลกระทบโดยตรงที่เด่นชัดคือ
1. การปรับเปลี่ยนสภาพจากความเป็นข้าราชการไปเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย
2. การมีระบบการบริหารงานบุคคลใหม่ที่เป็นระบบที่สภามหาวิทยาลัยกำหนดขึ้นเองเป็นการเฉพาะสำหรับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ
นั่นคือการพ้นจากระบบของ ก.ม. โดยเด็ดขาด
3. ระบบการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการ จะแตกต่างไปจากระบบราชการ โดยจะมีการใช้ระบบที่เป็นของมหาวิทยาลัยเอง
4. การปรับเปลี่ยนสถานภาพหรือการถ่ายโอนเข้าสู่ระบบบริหารงานบุคคลใหม่นั้น จะต้องมีระบบการประเมินที่เป็นธรรมและ
เหมาะสม ก่อนการบรรจุเข้าเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัย โดยเป้าหมายคือการได้รับค่าตอบแทนและตำแหน่ง รวมทั้งภาระงานที่เป็นธรรม
กันทุกฝ่าย
5. การจ่ายค่าตอบแทนจะเป็นไปตามบัญชีอัตราเงินเดือนที่จัดทำขึ้นใหม่ โดยเน้นการจ่ายตามคุณภาพและปริมาณงานของบุคคล
เป็นหลัก ดังนั้นผลงาน ประสบการณ์ คุณวุฒิ และตำแหน่งทางวิชาการต่าง ๆ จะเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาอยู่ด้วย
ตัวอย่างผลกระทบต่าง ๆ ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ อาจแตกต่างกันไปบ้างในแต่ละมหาวิทยาลัย แต่หลักการที่สำคัญก็คือการมุ่ง
รักษาคนดี ส่งเสริมคนเก่ง และพัฒนาประสิทธิภาพของบุคลากรของมหาวิทยาลัย
ผลกระทบต่อระบบการบริหารอื่น ๆ
ระบบการบริหารอื่น ๆ เช่น การเงินการพัสดุ ทรัพย์สินและการบริหารงบประมาณ รวมทั้งการบริหารงานวิชาการจะมีการ
เปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมได้โดยอิสระ ภายใต้กรอบแห่งอำนาจหน้าที่ของสภามหาวิทยาลัย อันจะเป็นผลให้เกิดความคล่องตัว รวดเร็ว และ
ประหยัด และได้ผลการดำเนินการที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
กล่าวโดยสรุปแล้ว การปรับเปลี่ยนสถานภาพของมหาวิทยาลัยไปสู่ความเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาลนั้น มีเป้าหมาย
เพื่อให้มหาวิทยาลัยสามารถกำกับดูแลตนเองได้โดยอิสระมากยิ่งขึ้น อันเป็นการสอดคล้องกับลักษณะของสถาบันอุดมศึกษาที่ต้องการความ
คล่องตัวและไวต่อการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการ
(จากเอกสารหลักการและแนวปฏิบัติ มหาวิทยาลัยในกำกับรัฐบาลของสำนักงานปลัดทบวงมหาวิทยาลัย กันยายน 2541)
*****************
|