ผศ. ผดุงยศ ดวงมาลา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ชี้แจงว่ามหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นแหล่งวิชาการระดับสูงที่จะมีส่วน
ช่วยพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีลักษณะทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แตกต่างจากภูมิภาคอื่นของประเทศ
แต่ตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมา วิทยาเขตปัตตานีมีส่วนร่วมในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้เพียงระดับ
หนึ่งเท่านั้น เนื่องจากการมีฐานะเป็นวิทยาเขต ทำให้การจัดองค์กรและวิธีการบริหารไม่เอื้ออำนวยให้การปฏิบัติภารกิจได้อย่าง
เต็มที่
ด้วยเหตุผลดังกล่าว วิทยาเขตปัตตานีจึงสมควรที่จะยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศ หรือมหาวิทยาลัยเต็ม
รูปแบบ เพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจและเป็นที่พึ่งทางวิชาการของประชาชนหรือส่วนราชการต่าง ๆ ในจังหวัดชายแดนภาค
ใต้ได้อย่างเต็มศักยภาพ ดังนั้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2539 ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ รวม 17 ท่าน จึงได้
ร่วมกันลงนามในบันทึกถึงนายกสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อขอยกฐานะวิทยาเขตปัตตานีเป็นมหาวิทยาลัยเอกเทศ
มีความว่าจากการได้ศึกษาวิเคราะห์ ติดตาม และมองปัญหาอุปสรรคทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตแล้ว มีความเห็นว่าหาก
การบริหารจัดการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ยังคงอยู่ในรูปแบบปัจจุบัน จะก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคมากขึ้นในอนาคต
อันจะส่งผลให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ไม่เจริญก้าวหน้าและเติบโตดังที่คาดหวัง ทั้ง ๆ ที่ผู้บริหารระดับสูงของมหา-
วิทยาลัยหลายคน ได้พยายามที่จะทำให้การบริหารจัดการของแต่ละวิทยาเขตเป็นอิสระ มีประสิทธิภาพ และพยายามจะให้
คงเป้าหมายเดิมเอาไว้คือ ทุกวิทยาเขตอยู่ภายใต้สภามหาวิทยาลัยเดียวกันและอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของอธิการบดีคนเดียวกัน
เพื่อประโยชน์ในการประหยัดทรัพยากรของชาติ แต่ยังมีปัญหาอุปสรรคที่สำคัญ ๆ ที่ไม่สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายนั้นได้
ทั้งนี้ผลที่คาดว่าจะได้รับหลังจากยกฐานะวิทยาเขตปัตตานีเป็นมหาวิทยาลัยแล้ว ประกอบด้วย
ผลต่อท้องถิ่นและภูมิภาค
ในทางการศึกษา มหาวิทยาลัยจะเป็นแหล่งจัดการศึกษาและให้บริการการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพื่อเยาวชน
โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ได้มีโอกาสเข้าศึกษาต่อได้มากขึ้น เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ประชาชนในพื้นที่
อีกทั้งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการศึกษาลงได้เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับการที่จะต้องเข้าไปศึกษาในภูมิภาคอื่นทั้งต่างประเทศ
ในทางเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของท้องถิ่นและภูมิภาคดังนี้
- มหาวิทยาลัยจะมีบทบาทสำคัญในการให้บริการความรู้และวิทยาการใหม่ ๆ แก่ประชาชนในท้องถิ่นและภูมิ
ภาค โดยเฉพาะการฝึกอบรมเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ผู้ที่เข้ารับการอบรม สามารถนำไปประกอบอาชีพหรือพัฒนาอาชีพเดิม
ให้มีผลผลิตและรายได้สูงขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของประชาชนในท้องถิ่นและภูมิภาคให้ดีขึ้น
- มหาวิทยาลัยจะเป็นสื่อกลางในการชักนำการลงทุนเชิงอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวเข้ามาสู่พื้นที่ภาคใต้ตอน
ล่าง อันจะก่อให้เกิดการสร้างงาน การกระจายรายได้และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นและภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ในทางสังคม มหาวิทยาลัยจะก่อให้เกิดผลดีทางด้านสังคมดังต่อไปนี้
- มหาวิทยาลัยจะนำสื่อทางด้านเทคโนโลยีและพัฒนาการทางด้านคมนาคมการสื่อสาร อันจะเป็นการยกระดับ
ความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
- มหาวิทยาลัยจะมีส่วนทำให้ประชาชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงได้รับการศึกษาสูงขึ้น อันจะเป็นกำลังสำคัญ
ในการพัฒนาสังคม
- มหาวิทยาลัยจะมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ รวมทั้งการศึกษาวิจัยและ
เผยแพร่ไปสู่ชุมชน อันจะส่งผลให้เกิดการตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำให้เกิดความรักและ
ความภูมิใจ ตลอดจนก่อให้เกิดความรักสามัคคีของคนในชาติและภูมิภาค
ผลต่อประเทศชาติ
การขยายงานของมหาวิทยาลัย นอกจากจะเกิดประโยชน์กับท้องถิ่นและภูมิภาคแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์โดย
รวมต่อประเทศชาติดังนี้
- สนองตอบความต้องการพัฒนากำลังคน มหาวิทยาลัยมีเป้าหมายในการผลิตกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ขาดแคลนและเป็นการรองรับนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งโครงการพัฒนาภาคใต้ชายฝั่งตะวันออก โครงการพัฒนาสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (IMTGT) ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
- สนองต่อต่อการวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยมีสำนักวิจัยและพัฒนา โดยจะประสานงานกับคณะวิชาต่าง ๆ
ในการศึกษาค้นคว้าพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมใช้เองในประเทศ ทำให้สามารถลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่ง
จะนำไปสู่การพึ่งตนเองอย่างมั่นคงในอนาคต
******************
|