มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี  จัดพิธีฉลองชนมายุแด่พระธรรมโมลี  

(เกตุ  ติสสโร)  เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร  อ.เมือง  จ.ปัตตานี  เมื่อวันอาทิตย์ที่  9  กุมภาพันธ์  2540  ณ  วัดตานี-

นรสโมสร  อ.เมือง  จ.ปัตตานี

         ในโอกาสที่พระเดชพระคุณพระธรรมโมลี  (เกตุ  ติสสโร)  ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์  เจ้า

อาวาสวัดตานีนรสโมสร  เจริญชนมายุครบ  100  ปี  ในวันที่  5  กุมภาพันธ์  2540  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  

จึงได้ร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดปัตตานี  อันมีท่านเจ้าคุณพระโสภณธรรมมณี  เจ้าคณะจังหวัดปัตตานีเป็นประธาน  

และด้วยการอุปถัมภ์ของคุณเจริญ - คุณศรีสุมาลย์  สุวรรณมงคล  ได้จัดพิธีฉลองชนมายุแด่พระเดชพระคุณพระ

ธรรมโมลี  เมื่อวันอาทิตย์ที่  9  กุมภาพันธ์  2540  ระหว่างเวลา  10.00 - 12.00  น.  ณ  วัดตานีนรสโมสร  พระ

อารามหลวง  อ.เมือง  จ.ปัตตานี

         ประวัติพระธรรมโมลี  (เกตุ  ติสสโร)

         เกิดเมื่อวันที่  5  กุมภาพันธ์  2540  ที่บ้านเลขที่  2  ถนนยะหริ่ง  ตำบลบ่อยาง  อำเภอเมือง  จังหวัด

สงขลา  โยมบิดาคือ  นายเฉ่งเซ่ง  ธรรมรัชชะ  โยมมารดาคือ  นางโบ้ยเลี่ยน  ธรรมรัชชะ  มีพี่น้อง  2  คน  โดยพระ

ธรรมโมลีเป็นคนโต้  มีน้องสาวคนเดียวคือ  นางรุ่งเรือง  รัตนาปนนท์  (ธรรมรัชชะ)  ซึ่งถึงแก่กรรมแล้ว

         อายุ  10  ปี  เข้าเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนมหาวชิราวุธสงขลา  เป็นรุ่นแรกและศึกษาอยู่จนจบชั้นมัธยม

ศึกษาปีที่  3

         อายุ  15  ปี  บรรพชาที่วัดเลียบ  อำเภอเมือง  จังหวัดสงขลา

         อายุ  16  ปี  ได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนประชาบาลระโนด  ซึ่งเป็นโรงเรียนประชา-

บาลแห่งแรกในภาคใต้

ของประเทศไทย

         อุปสมบทเมื่อวันที่  15  มิถุนายน  2460  ศึกษาพระธรรมวินัยและบาลีศึกษาที่วัดจักรวรรดิราชาวาส  

กรุงเทพมหานคร

         พ.ศ. 2461  สอบได้นักธรรมตรี

         พ.ศ. 2462  สอบได้นักธรรมโท

         พ.ศ. 2468  สอบได้เปรียญธรรม  4  ประโยค  และได้กลับมาเปิดสำนักเรียนนักธรรมและบาลีศึกษาที่

วัดเลียบ  จังหวัดสงขลา

         พ.ศ. 2473  เป็นเจ้าคณะอำเภอจะนะ  อำเภอเทพา  และอำเภอเมืองสงขลา  และได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น

พระครูวิจิตรคณารักษ์

         พ.ศ. 2477  ได้เป็นเจ้าคณะมณฑลปัตตานี  เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่  พระญาณโมลี  ธรรม

วาทีสุนทร  และได้พำนักอยู่ที่จังหวัดปัตตานีตลอดมา

         พ.ศ. 2498  เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ที่  พระราชญาณโมลี

         พ.ศ. 2500  เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่  พระเทพญาณโมลี  ธรรมวาทีสุนทร  มหา

คณิสสร  บวรสังฆาราม  คามวาสี

         พ.ศ. 2535  เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาราคณะชั้นธรรมที่  พระธรรมโมลี  ศรีปริยัติโยดม  ภาวนา

วิกรม  ญาณปรีชา  สาสนกิจธุราทร  มหาคณิสสร  บวรสังฆาราม  คามวาสี

         พระธรรมโมลี  เป็นผู้ที่ได้จัดการศึกษาคณะสงฆ์ในภาคใต้ของไทย  มาเลเซีย  และสิงคโปร์  อย่างเป็น

ระบบและทันต่อกาลสมัย  อีกทั้งยังได้จัดตั้งโรงเรียนสอนภาษาไทยเป็นแห่งแรกในจังหวัดปัตตานี  เป็นการเปิดโอกาส

ให้ชาวไทยมุสลิมได้รู้หนังสือไทย  อีกทั้งยังจัดตั้งโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์  โดยให้นักเรียนและประชาชนทั่วไป

ได้ศึกษาพระพุทธศาสนาตามความสนใจและโดยความสมัครใจ

         ทางด้านอาจาระและปฏิปทาในฐานะพระสงฆ์นั้น  พระธรรมโมลีเป็นพระเถระที่เคร่งครัดในสีลาจารวัตร

และพระธรรมวินัยมีสัทธิวิหาริกและอันเตวาสิกเป็นจำนวนมาก  สำหรับงานด้านเผยแพร่พระศาสนานั้น  พระธรรมโมลี

เป็นนักเทศน์ที่มีโวหารคมคาย  สามารถสาธกนิทานและเรื่องราวต่าง  ๆ  มาประกอบข้อธรรมะ  อีกทั้งยังสอดแทรกคำ

ประพันธ์ในการเทศนาได้อย่างน่าฟัง  เป็นที่ประทับใจของผู้ที่ได้ฟังธรรมบรรยายตลอดมา  ในปัจจุบันนี้ก็ยังทำหน้าที่

ดังกล่าวอยู่ตามกาละและเทศะอันควร  นอกจากนี้พระธรรมโมลียังเป็นตัวอย่างของพระเถระที่ใฝ่หาความรู้อยู่ตลอด

เวลา  อีกทั้งยังสนใจงานด้านประวัติศาสตร์  ภาษา  วรรณคดี  และโบราณคดี  ได้เก็บสะสมโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ

มาตั้งแต่ยังเป็นสามเณรไว้เป็นจำนวนมากและมอบให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์

พระเทพญาณโมลี  ซึ่งพระเดชพระคุณท่านได้บริจาคทุนทรัพย์เพื่อให้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ด้วย  นอกจากนี้ท่าน

ยังได้มอบเงินส่วนตัวของท่าน  จำนวน  5,000,000  บาท  (ห้าล้านบาท)  เพื่อให้ตั้งเป็นมูลนิธิพระธรรมาโมลี  นำ

ดอกผลมาจัดเป็นทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  จำนวนปีละ  100  ทุน



                                                                  ******************