นักวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ศึกษาวิจัยการผลิตยางธรรมชาติห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียเพื่อใช้ในระบบควบคุม
การปลดปล่อย ทำให้ลดการสูญเสียธาตุอาหารและปริมาณของปุ๋ยก่อนจะถึงระบบรากของพืช เพื่อประโยชน์ในการเกษตรกรรมของประเทศ
ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม มีความจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเพื่อเพิ่มผลผลิตธัญญพืช แต่การใช้ปุ๋ยโดยวิธีธรรมดานั้นมีประสิทธิ
ภาพต่ำ ทั้งนี้พืชสามารถนำปุ๋ยไปใช้ได้เพียง 30 - 40 เปอร์เซนต์เท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเสียไปในรูปแอมโมเนียที่ระเหยได้ ถูกชะล้างโดยน้ำ
โดยเฉพาะในฤดูฝนการถูกชะล้างจะรุนแรงมากขึ้นและปุ๋ยที่ไหลลงสู่แม่น้ำลำคลองหรือทะเล อาจก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะ
ฉะนั้นการใช้ปุ๋ยให้มีประสิทธิภาพสูง นอกจากทำได้โดยการใส่ปุ๋ยในปริมาณที่ถูกต้อง ใส่ตามโคนต้นเป็นจุด ๆ แล้ว วิธีการที่มีประสิทธิภาพ
ที่ดีกว่าคือ การควบคุมการปลดปล่อยธาตุอาหารออกมาอย่างช้า ๆ ซึ่งสารที่ใช้เป็นตัวควบคุมการปลดปล่อยได้แก่ ขี้ผึ้ง พาราฟินส์ กำมะถัน
และพอลิเมอร์ต่าง ๆ เช่น ยางสังเคราะห์ ยางธรรมชาติ โดยเฉพาะยางธรรมชาติสามารถเป็นตัวควบคุมการปลดปล่อยที่ใช้ได้ดี
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แจ้งว่านักวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ได้ทำการศึกษาวิจัยการผลิตยางธรรมชาติห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียเพื่อควบคุมการปลดปล่อยปุ๋ย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการใช้ทรัพยากรของ
ประเทศที่มีอยู่ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการนำยางธรรมชาติไปห่อหุ้มปุ๋ยยูเรีย โดยใช้เทคนิคทางด้านเทคโนโลยียาง เพื่อควบคุมอัตราการ
ปลดปล่อยของปุ๋ยอย่างช้า ๆ แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีใช้ปุ๋ยโดยตรงที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ผศ. ดร. ไพโรจน์ กลิ่นพิทักษ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และ
หัวหน้าโครงการวิจัยเรื่อง การผลิตยางธรรมชาติห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียเพื่อใช้ในระบบควบคุมการปลดปล่อย เปิดเผยถึงการศึกษาวิจัยดังกล่าวว่าจาก
ผลการศึกษาในการควบคุมการปลดปล่อยหรือการเสื่อมสลายของปุ๋ยพบว่า ยางธรรมชาติไม่สามารถนำมาห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียได้โดยตรง จำเป็นต้อง
ทำการผสมยูเรียในอัตรา 100 - 300 ส่วน ในยางธรรมชาติ 100 ส่วน และสารเคมีอื่น ๆ จากนั้นนำยางที่ผสมสารเคมีหรือยางคอมเปานด์
ไปอัดเบ้าด้วยเครื่องป้อนยางร้อน ให้ออกมาเป็นเส้นกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5.5 มิลลิเมตร แล้วตัดตามยาว 10 เซนติเมตร นำไปเคลือบ
ด้วยสารละลายยาง 3 เปอร์เซ็นต์ 1 - 3 ชั้น แล้วนำไปอบให้ยางแห้ง จะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแท่งกลมคล้ายดินสอ ทั้งนี้การปลดปล่อยยูเรียจะ
มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนชั้นในการเคลือบสารละลายยาง 3 เปอร์เซ็นต์ ด้วยจำนวนชั้นที่หนาเพิ่มขึ้นหรือเปอร์เซนต์เนื้อยางที่เคลือบผิว
เพิ่มขึ้น อัตราการปล่อยยูเรียในรูปไนโตรเจนลดลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับยูเรียในรูปปกติ
หัวหน้าโครงการวิจัยการผลิตยางธรรมชาติห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียเพื่อใช้ในระบบควบคุมการปลดปล่อย ได้กล่าวถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ
และสังคมว่า การวิจัยครั้งนี้ได้ศึกษาการใช้ยางธรรมชาติเป็นตัวห่อหุ้มปุ๋ยเพื่อควบคุมอัตราการปลดปล่อยปุ๋ย ก่อนที่จะถึงระบบรากของพืชแทน
ที่จะให้ปุ๋ยยูเรียกับพืชโดยวิธีดั้งเดิมคือ การใส่ปุ๋ยโดยตรงจะสูญเสียไปมากกว่าครึ่งก่อนที่จะถึงระบบรากของพืช ซึ่งจะทำให้เกษตรกรลดค่าใช้
จ่ายเกี่ยวกับปุ๋ยและเป็นการลดการนำเข้าปุ๋ยจากต่างประเทศ จากการนำยางธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ดังกล่าวจะมีผลต่อเกษตรกรชาวสวนยาง
ซึ่งในอนาคตอาจมีแนวทางด้านอุตสาหกรรมการผลิตยางธรรมชาติห่อหุ้มปุ๋ยยูเรียในรูปแบบใหม่ เพื่อใช้แทนการใส่ปุ๋ยแบบปัจจุบัน.
*******************
|