รายละเอียด :
|
เรือนขนมปังขิงหรือบ้านโบราณ เป็นของอำมาตย์โทพระยาพิบูลพิทยาพรรค (ทอง คุปตาสา) ธรรมการมณฑลปัตตานี ส่วนหนึ่ง
จัดตั้งเป็นที่ทำการสถาบันกัลยาณิวัฒนาเพื่อการศึกษา ภาษา และวัฒนธรรมสัมพันธ์ ส่วนอื่น ๆ ใช้จัดนิทรรศการชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้น
ร่วมสมัยของพระยาพิบูลพิทยาพรรค เป็นอาคารหนึ่งในโครงการพิพิธภัณฑ์เปิดกาญจนภิเษก
บ้านอำมาตย์โทพระยาพิบูลพิทยาพรรค เป็นเรือนไม้ที่เรียกว่า โคโลเนียนสไตล์ หรือเรือนขนมปังขิง เช่นเดียวกับพระที่นั่งวิมานเมฆ
เป็นเรือนไม้ที่สะท้อนให้เห็นความสามารถของเจ้าของบ้านและช่าง ในการผสมผสานวัฒนธรรมไทยและตะวันตกได้อย่างกลมกลืน
อำมาตย์โทพระยาพิบูลพิทยาพรรค (ทอง คุปตาสา) เป็นชาวจังหวัดสิงห์บุรี ท่านได้รับคำสั่งให้ย้ายจากตำแหน่งครูโรงเรียนสวน-
กุหลาบ มาเป็นว่าที่ธรรมการมณฑลปัตตานี เมื่อ พ.ศ. 2453 จนกระทั่งปี พ.ศ. 2473 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งธรรมการมณฑลนคร-
ศรีธรรมราชอีกตำแหน่งหนึ่ง บ้านหลังนี้สร้างโดยช่างชาวจีน เสร็จประมาณปี พ.ศ. 2476 อันเป็นปีที่พระยาพิบูลพิทยาพรรคลาออกจาก
ราชการเมื่อมีพระราชบัญญัติยุบเลิกมณฑลทั่วราชอาณาจักร เดิมตั้งอยู่เลขที่ 3 ถนนสฤษดิ์ บ้านหันมาทางทิศใต้ เยื้องกับโรงพยาบาลปัตตานี
เก่า ทางทิศตะวันตกจรดคลองสามัคคี ด้านหลังบ้านติดถนนโรงเหล้าสาย ข อยู่ในบริเวณเนื้อที่ประมาณกว่า 20 ไร่ ซึ่งพระยาพิบูลพิทยา-
พรรคใช้ปลูกพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้นานาชนิด จนบ้านและบริเวณนั้นเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในนาม "บ้านสวน" ลักษณะของบ้านเป็นเรือนไม้ 2 ชั้น
สูงจากพื้นดินประมาณ 170 ซม. มีเนื้อที่ชั้นล่างและชั้นบนเท่ากันชั้นละ 90 ตารางเมตร ชั้นล่างมี 3 ห้อง ด้านหน้าติดกับถนนสฤษดิ์เป็นห้อง
รับแขก ถัดเข้าไปทางหลังของตัวบ้านเป็นห้องนอนของคุณหญิงสิน (ภรรยา) ตรงข้ามเป็นห้องโถงใหญ่ที่มีตู้และชั้นวางหนังสือกั้นแทนฝา เป็น
ห้องทำงานและห้องพักผ่อนของพระยาพิบูลพิทยาพรรค ซึ่งภายหลังเมื่อมีอายุมากขึ้น ท่านได้ใช้เป็นห้องนอนและถึงแก่กรรมในห้องนี้ ด้านหลัง
เป็นเฉลียงขนาด 8 x 3 เมตร มีลูกกรงไม้ล้อมรอบเป็นที่อเนกประสงค์ต่อจากเฉลียงมีระเบียงไม้ลดระดับขนาด 8 x 6 เมตร พร้อมทั้งหลังคา
เชื่อมไปยังบ้านเรือนไม้ยกพื้นหลังเล็กขนาด 11 x 5 เมตร ซึ่งมีระดับเดียวกับบ้านหลังใหญ่และต่อไปยังเรือนครัว ซึ่งลดระดับต่ำลงไปอีกและ
สูงจากพื้นดินประมาณ 50 ซม. ระเบียงนี้ส่วนที่ติดกับเฉลียงเป็นที่รับประทานอาหารของพระยาพิบูลพิทยาพรรคและครอบครัว ข้างใต้ตรง
กันเป็นที่เก็บน้ำฝนทำด้วยซิเมนต์สำหรับใช้บริโภคตลอดทั้งปี กลางระเบียงด้านเดียวกับห้องทำงานของพระยาพิบูลพิทยาพรรค มีห้องสุขาและ
ห้องน้ำแยกกัน ติดกันมีบันไดขึ้นระเบียง ภายหลังเมื่อพระยาพิบูลพิทยาพรรคและคุณหญิงสินมีอายุมากขึ้น ได้สร้างห้องสุขาห้องอาบน้ำเพิ่มขึ้น
ที่บริเวณปีกขวาของเฉลียง ชั้นบนของบ้านส่วนที่อยู่เหนือที่พักบันได เป็นที่วางโต๊ะหมู่บูชา เนื้อที่หลักแบ่งออกเป็น 5 ห้อง ห้องที่อยู่หัวบันได
เป็นห้องมุมรับแขก และสมัยหลังใช้เป็นห้องพักของสมาชิกในครอบครัวด้วย ติดกับห้องมุขเป็นห้องนอนพระยาพิบูลพิทยาพรรค ห้องตรงข้าม
เป็นห้องพักของลูกหลาน ตรงข้ามทางเดินระหว่างสองห้องนี้เป็นห้องนั่งเล่น ติดกับห้องนี้และห้องนอนของท่านเป็นห้องเก็บของ
บ้านโบราณหลังนี้มีหลังคา รวมทั้งลวดลายและแกะสลักตกแต่งตามลักษณะบ้านแบบยุโรปที่เริ่มสร้างในประเทศไทยตั้งแต่สมัยรัชกาล
ที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีหน้าต่างแคบยาว ตีไม้เป็นบานเกล็ดตายตัว แต่มีหน้าจั่วเพิ่มมาด้านหน้า ตัวบ้านทาสีฟ้าอ่อน ตัดขอบด้วยสีฟ้าเข้ม
ที่น่าสังเกตคือไม่มีการติดกุญแจที่ประตู มีเฉพาะกลอนภายในเป็นบางห้อง ผู้ที่เคยพักอาศัยในบ้านหลังนี้กล่าวว่าไม่เคยปรากฏว่ามีขโมยทั้ง ๆ
ที่บริเวณบ้านกว้าง ไม่มีรั้วบ้าน และติดถนนสองด้าน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะพระยาพิบูลพิทยาพรรคเป็นคนดี มีความเด็ดขาด เป็นที่เคารพยำเกรง
ของบุคคลทั่วไปและชาวบ้านมุสลิมที่อยู่รอบ ๆ ภายในบ้านมีการตกแต่งแบบเรียบ ๆ ส่วนใหญ่เป็นเกียรติบัตร เหรียญ และเครื่องหมายสำหรับ
เครื่องแบบในโอกาสต่าง ๆ ของพระยาพิบูลพิทยาพรรค มีตู้และชั้นหนังสือเป็นหลัก เนื่องจากเจ้าของบ้านเป็นผู้รักการอ่านการประพันธ์คำกลอน
สักวา
หลังจากที่พระยาพิบูลพิทยาพรรคถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2509 คุณหญิงสินได้ย้ายเข้ากรุงเทพฯ ในเวลาต่อมา ผู้ที่ครอบครองดูแลบ้าน
หลังนี้คือ คุณเกียรติราช ซึ่งเป็นหลานและใช้เป็นที่พักของนักเรียนนักศึกษาจนถึงปี 2519 ผู้ที่สืบทอดบ้านหลังนี้ต่อมาคือ ว่าที่ ร.ต. ปราโมทย์
และอาจารย์จีรพรพิชญ์ เชาวน์วาณิชย์ ได้บูรณะบ้านให้อยู่ในสภาพที่ดี โดยมีเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ดูแล ต่อมาว่าที่ ร.ต. ปราโมทย์
เกรงว่าบ้านที่พระยาพิบูลพิทยาพรรคสร้างซึ่งมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและประวัติศาสตร์นี้อาจชำรุดได้ เนื่องจากอยู่ในสภาพเป็นแอ่ง เพราะที่ดิน
โดยรอบได้กลายเป็นที่ตั้งของตึกแถวและบ้านพักอาศัย จึงได้แจ้งกับอาจารย์ปัญญ์ ยวนแหล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตานี ในขณะนั้นว่าประสงค์จะบริจาคให้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ได้ใช้ประโยชน์เพื่อการศึกษาวิจัยต่อไป
ในระหว่างที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กำลังพิจารณาหางบประมาณที่จำเป็นในการขนย้ายและผู้ที่ทำหน้าที่ประกอบบ้านนั้น ว่าที่
ร.ต. ปราโมทย์ ได้ขายที่ดินบริเวณบ้านให้แก่ นายสมยศ ฉันทวานิช โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องบริจาคบ้านพระยาพิบูลพิทยาพรรคให้แก่มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์
ในเดือนกันยายน 2535 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ผดุงยศ ดวงมาลา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รับ
หนังสือแจ้งความจำนงการบริจาคบ้านจากนายสมยศ จึงได้นำนายเอริค บ็อกด็อง (Eric Bogdan) สถาปนิกชาวฝรั่งเศสที่เป็นหนึ่งในกลุ่มนัก
วิจัยของโครงการ Grand Sud (มหาทักษิณ) ภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์และรัฐบาลฝรั่งเศส ไปศึกษาความเป็นไป
ได้ของการเคลื่อนย้ายบ้านหลังนี้
นายบ็อกด็อง ใช้เวลาประมาณ 20 วัน ในเดือนพฤศจิกายน 2535 สำหรับการแกะแบบและถอดชิ้นส่วนบ้าน เมื่อมหาวิทยาลัยจัดหา
งบประมาณได้แล้ว ในเดือนมีนาคม 2537 จึงได้เริ่มลงมือประกอบบ้านโดยใช้ช่างมุสลิมท้องถิ่นประมาณ 10 คน จนแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม
2538 ซึ่งช้ากว่าที่กำหนดเพราะต้องลงรากฐาน อันเนื่องจากสภาพดินอ่อนและต้องรอสั่งไม้จากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทดแทนไม้ส่วนที่โดนปลวก
ทำลายในระหว่างที่รอการประกอบ โดยมีค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและประกอบเป็นเงินประมาณ 800,000 บาท
การรื้อบ้านโบราณและประกอบใหม่หลังนี้ เป็นหนึ่งในการย้ายอาคารหลังใหญ่เพียงไม่กี่แห่งทั่วโลก และสำหรับบ้านที่มีหลังคาและจั่ว
เช่นบ้านที่พระยาพิบูลพิทยาพรรคสร้างนี้ อาจไม่เคยปรากฏมาก่อน สถาปนิกและช่างต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำงาน เพื่อรักษาบ้านให้อยู่ใน
สภาพเดิมมากที่สุด อย่างไรก็ดีส่วนที่ต่างไปจากเดิมคือเพิ่มชายคาลายฉลุชั้นนอกของบ้านให้เข้ากับที่มีอยู่ชั้นใน เปลี่ยนจากหลังคากระเบื้องซิเมนต์
ซึ่งจะดูไม่งามเมื่อเก่า เป็นหลังคากระเบื้องดินเผา โดยว่าจ้างผู้ผลิตซึ่งเหลืออยู่เพียงผู้เดียวในอำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ส่วนสีบ้านได้เปลี่ยนจาก
สีฟ้าเป็นสีขาว เพื่อให้เข้ากับพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน และกระจกช่องแสงใช้แบบลายแทนแบบฝ้าของเดิม นอกจากนี้ได้เพิ่มบันไดสอง
ข้างหน้าระเบียงที่ยื่นออกมาจากเฉลียง ส่วนบันไดด้านหน้าของบ้านในแบบเดิมจะต่อเติมภายหลัง เมื่อขยายโครงการพิพิธภัณฑ์เปิดกาญจนาภิเษก
เต็มรูปแบบ
ปัจจุบันสถาบันกัลยาณิวัฒนาเพื่อการศึกษา ภาษา และวัฒนธรรมสัมพันธ์ ได้ใช้ห้องหนึ่งของบ้านหลังนี้เป็นที่ทำการสถาบัน ส่วนอื่น ๆ
ใช้จัดนิทรรศการชีวิตความเป็นอยู่ของชนชั้นร่วมสมัยของพระยาพิบูลพิทยาพรรค บ้านหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพิพิธภัณฑ์เปิดกาญจนาภิเษก
ซึ่งกำลังอยู่ในชั้นจัดหางบประมาณเพื่อดำเนินการต่อไป
*****************
|