มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ร่วมกับ 8 องค์กร สนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อสร้าง
เครือข่ายชุมชนรักป่าและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ส่งผลผลักดันให้เกิดนโยบายการพัฒนาที่เหมาะสมกับท้องถิ่น
รายงานข่าวจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แจ้งว่าในเขตพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล มีความเชื่อมโยงของระบบนิเวศน์ป่าไม้ นับตั้งแต่ระบบ
นิเวศน์ป่าต้นน้ำบนภูเขา ป่าพรุ ซึ่งเป็นป่ารองรับซับน้ำจนถึงแนวป่าสันทรายและป่าชายเลน ซึ่งทำหน้าที่เป็นแหล่งบำบัด
น้ำเสียสำคัญของธรรมชาติ ระบบนิเวศน์ของป่าไม้ทั้งหมดนี้จะเชื่อมโยงและเกื้อกูลกันและกัน เพื่อรักษาดุลยภาพของ
ระบบนิเวศน์ทั้งหมดให้มีความยั่งยืน แต่ปัจจุบันระบบป่าไม้ดังกล่าวกำลังถูกทำลาย เนื่องจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
ประกอบกับนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมการผลิตเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทรัพยากรถูกทำลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ
ไม่สามารถป้องกันได้ จึงสมควรให้อำนาจการจัดการทรัพยากรให้กับชุมชน ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นในการอนุรักษ์และ
จัดการป่าไม้ และสถาบันของรัฐควรมีส่วนร่วมในฐานะที่ปรึกษาทางวิชาการให้กับองค์กรชาวบ้าน
นายนุกูล รัตนดากุล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตานี และหัวหน้าโครงการประสานเครือข่ายชุมชนรักป่า เปิดเผยว่ามหาวิทยาลัยมีฐานะเป็นกลาง สามารถช่วย
ประสานจุดร่วมระหว่างนโยบายของรัฐกับความคิดของชุมชน จึงได้จัดโครงการประสานเครือข่ายชุมชนรักป่า ร่วมกับ
8 องค์กร อาทิ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมาคมเอิรท์ไอส์แลนด์
ชมรมประมงขนาดเล็กจังหวัดปัตตานี ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชาวบ้านในการอนุรักษ์
และจัดการทรัพยากรป่าไม้ภายในท้องถิ่นด้วยตนเอง
หัวหน้าโครงการประสานเครือข่ายชุมชนรักป่า กล่าวเสริมถึงโครงการว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นการ
ประสานเพื่อการทำงานร่วมกันและลดความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับรัฐ เป็นการแก้ปัญหาและการพัฒนามาจากระดับ
ล่างและผลักดันให้เกิดนโยบายการพัฒนาที่เหมาะสมกับท้องถิ่น นอกจากประสานเครือข่ายองค์กรชาวบ้านเพื่อรักษา
และจัดการป่าแล้ว โครงการดังกล่าวมีการนำเสนอสาระของระบบเกษตรธรรมชาติเกี่ยวกับวนเกษตรในการจัดการป่า
ด้วย เพื่อให้ชุมชนสามารถใช้ป่าได้เพื่อความอยู่รอดและยั่งยืนตลอดไป ซึ่งจะดำเนินโครงการระหว่างเดือนมกราคม
จนถึงเดือนธันวาคม 2538 โดยจะดำเนินการในพื้นที่อำเภอสายบุรี อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี อำเภอรามัน
จังหวัดยะลา และอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เป็นพื้นที่แรกและจะมีการสำรวจในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
ผศ. ผดุงยศ ดวงมาลา รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า
มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีศักยภาพหรือความพร้อมที่จะช่วยส่งเสริม สนับสนุน
องค์กรชาวบ้านหรือภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เกิดความมั่นใจในการทำงานดังกล่าว อีกทั้งเป็นบทบาทของมหาวิทยาลัย
ในเรื่องของการบริการทางวิชาการแก่ชุมชน ซึ่งเท่าที่ผ่านมาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้ดำเนินมาแล้วใน
ระดับหนึ่งซึ่งจะต้องประสานงานต่อไป เพื่อให้เกิดเครือข่ายอันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายที่จะทำให้
เกิดการพัฒนาแบบยั่งยืนให้ชุมชนอยู่รอด และมีอำนาจในการจัดการป่าด้วยตนเองต่อไป
******************
|