คำกล่าวในพิธีสดุดีและรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์
"พฤษภาทมิฬ"
ของรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
วันที่ 9 มิถุนายน 2535 เวลา 19.30 น.
ณ ลานหน้าอาคารเรียนรวม
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
------------------------
ท่านคณาจารย์ ข้าราชการ นักศึกษา พี่น้องประชาชน และท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย
ในค่ำคืนนี้พวกเราทุกคนได้มาพร้อมกัน ณ สถานที่แห่งนี้ เพื่อจะได้ทำพิธีสดุดีและรำลึกถึงผู้ที่ได้พลีชีพ
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางกายและผู้ที่ได้รับผลกระทบกระเทือนทางจิตใจจากเหตุการณ์ "พฤษภาทมิฬ" ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
เมื่อไม่กี่วันมานี้
ท่านทั้งหลายคงจะยังไม่ลืมและจำกันได้ว่า ภายในระยะเวลา 19 ปีคือนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 จนถึง
ขณะนี้ ปี พ.ศ. 2535 ชาติบ้านเมืองของเราต้องพบกับความหายนะ พบกับความอัปยศ ได้รับความบอบช้ำและเจ็บ
ปวดถึง 3 ครั้ง 3 หน ได้แก่ การเกิดเหตุมหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 เหตุวิกฤตการณ์ทางการเมือง 6 ตุลาคม
2519 และล่าสุดก็คือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 17 - 18 พฤษภาคม 2535 ที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ ภายหลังเหตุ
การณ์ทั้ง 3 ครั้ง ฝ่ายที่ได้รับความสูญเสีย บอบช้ำ เจ็บปวด ก็คือประชาชน นิสิตนักศึกษา ที่ไปร่วมชุมนุมเพื่อให้
มาซึ่งความถูกต้อง ความชอบธรรมในการปกครอง บริหารบ้านเมือง ประชาชน นิสิตนักศึกษาที่ไปร่วมชุมนุมในแต่
ละครั้ง ล้วนแต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกปราบปรามด้วยความรุนแรง ทุกคนไปร่วมชุมนุมแบบอหิงสาและล้วนแต่คิดไปใน
ทางดีว่า รัฐบาลหรือฝ่ายบ้านเมืองคงจะไม่สั่งให้มีการปราบปรามประชาชนของตนเอง ไม่มีใครคาดคิดว่าจะต้อง
ไปปะทะกับกองกำลังของรัฐบาล เพราะถ้าคิดเช่นนั้นก็คงจะไม่มีใครไปร่วมชุมนุม หรือไปก็คงจะไม่ไปมือเปล่าอย่าง
แน่นอน
ท่านทั้งหลาย เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรานั้น ในทางวิชาการมองได้ว่าเป็นสิ่งที่
สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งในสังคมไทยที่สั่งสมมานานแล้ว และขณะนี้ความขัดแย้งนั้นก็ยังไม่หมดไป เป็นความ
ขัดแย้งของพลังความคิดที่ทันสมัยฝ่ายหนึ่ง กับพลังความคิดที่ล้าหลังอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งฝ่ายหลังนี้เป็นฝ่ายที่ไม่ยอม
พัฒนา ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง กลับฝังตนเองหรือทำให้สถาบันของตนเองจมปลักอยู่กับความคิดเก่า ๆ เพ้อฝันอยู่กับ
เกียรติและศักดิ์ศรี ทั้งที่เกียรติและศักดิ์ศรีนั้นไม่ได้มาจากความถูกต้อง ไม่ได้มาจากความชอบธรรม หากแต่เป็น
เกียรติและศักดิ์ศรีที่มีอำนาจหรือใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบโรรม เป็นสิ่งหนุนให้กลุ่มของตนสามารถที่จะอยู่กับ
เกียรติและศักดิ์ศรีอันจอมปลอมและไม่ยั่งยืน โดยชื่นชมและเพ้อฝันอยู่ในแวดวงของตนเอง
ท่านผู้มีเกียรติและพี่น้องประชาชนที่รักทั้งหลาย ผมขอย้อนกลับไปพูดถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ
อีกครั้งว่า สาเหตุสำคัญนั้นเกิดจากการเข้ามาดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการบริหารประเทศของบุคคลผู้หนึ่ง ทั้งที่
เคยปฏิเสธและเคยประกาศว่าตนจะไม่ดำรงตำแหน่งนั้นมาก่อนแล้ว เป็นสาเหตุให้เกิดความคิดต่อต้านบุคคลผู้นี้ขึ้น
ซึ่งต่อมาได้แปรเปลี่ยนเป็นพลังมวลชน เรียกร้องให้บุคคลผู้นี้ลาออกจากตำแหน่งที่ตนเองได้กล่าวว่า จำเป็นต้องเสีย
สัตย์เพื่อบ้านเมืองนั้นเสีย แต่ก็ไม่เป็นผล จึงทำให้มีการต่อต้านที่แข็งแกร่งยิ่ง ๆ ขึ้นทุกขณะ จนในที่สุดเหตุการณ์
ได้ลุกลามและรุนแรงขึ้น โดยมีเสียงปืนนัดแรกดังขึ้นในตอนพลบค่ำของวันที่ 18 พฤษภาคม 2535 ผู้ที่มาร่วม
ชุมนุมรู้และตระหนักว่ามีความสูญเสียเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นก็มีเสียงปืนกระหน่ำหนักขึ้น ชุดแล้วชุดเล่า ทุกคนรู้ว่า
มีความตาย มีการเสียเลือดเนื้อเกิดขึ้น จนเมื่อสิ้นเสียงปืนนัดสุดท้าย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 คนไทยทั้ง
ชาติได้ประจักษ์ถึงความวิปโยค ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่ง นับเป็นรอยเปรอะเปื้อนทางประวัติ
ศาสตร์ของชาติไทยที่น่าเศร้าใจ ที่น่าเสียใจ ถือเป็นความอัปยศและความเสื่อมเสียเกียรติภูมิของชาติไทย อย่างที่
ไม่เคยเสื่อมเสียมากเช่นนี้มาก่อน
ท่านทั้งหลาย ประชาชนชาวไทยได้ลงทุนอย่างมหาศาลด้วยวิญญาณ ด้วยเลือดเนื้อ ด้วยความเจ็บ
ปวด ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้สูญเสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บทั้งทางกายและจิตใจ จนไม่สามารถจะนับจำนวนที่แน่นอน
ได้ ผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มุ่งมั่นที่จะให้มีความเป็นธรรม มีความชอบธรรมขึ้นในสังคมไทย ไม่
ห่วงและยอมสละได้แม้แต่ชีวิตของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งดังกล่าว โดยหวังว่าผลของการเสียสละนั้น จะทำ
ให้เพื่อนร่วมชาติที่อยู่ข้างหลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป จะได้มาได้พบกับสิ่งที่ได้ร่วมกันรณรงค์เรียกร้อง
ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย การรณรงค์เรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบและความชอบธรรม
ต่าง ๆ ยังไม่สิ้นสุด เราคงจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน รวมพลัง สติปัญญากันต่อไป แต่ในวันนี้ วินาทีนี้ เราจะร่วม
กันรำลึกถึงวีรชนของเรา ผู้ที่ได้เสียสละอย่างใหญ่หลวงเพื่อพวกเรา เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา ขอให้พวกเราทุกคน
ได้โปรดส่งพลังใจและร่วมกันอธิษฐาน เพื่อให้ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของวีรชนทุกท่าน ได้รับรู้ว่าพวกเรายังรวม
พลังกัน ยังมุ่งมั่นที่จะรณรงค์เรียกร้องให้ได้มาซึ่งความชอบธรรมต่าง ๆ และขอส่งพลังจิตให้แก่ดวงวิญญาณของ
วีรชนทุกดวง จงสงบสุขและจงปกป้องพิทักษ์ชาติไทย ขออย่าให้ชาติไทยพบกับความหายนะ ความเลวร้าย และ
ความอัปยศต่าง ๆ อีกเลย และขอได้โปรดอำนวยพรให้ชาติไทย จงพบแต่ความเจริญรุ่งเรืองและวิวัฒน์พัฒนาไป
สู่ความเป็นอารยะประเทศอย่างแท้จริงสืบไป
ผดุงยศ ดวงมาลา
(นายผดุงยศ ดวงมาลา)
รองอธิการบดีวิทยาเขตปัตตานี
|