รายละเอียด :
|
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พบว่าอ่าวปัตตานีกำลังประสบปัญหา
สิ่งแวดล้อมเป็นพิษทั้งจากขยะ ตะกอนโลหะหนัก และน้ำเสีย จากแหล่งชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม
ผศ. ดร. ครองชัย หัตถา จากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
วิทยาเขตปัตตานี ได้ทำการวิจัยสำรวจปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมอ่าวปัตตานี เมื่อปี 2533 - 2534 เปิดเผยถึงผล
การวิจัยพบว่าอ่าวปัตตานีเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่งของประเทศไทย มีพันธุ์ปลาหลาย
ชนิด มีกุ้ง หอย ป่าชายเลน หาดเลน และหาดทราย นอกจากนี้นักวิจัยจากวิทยาเขตปัตตานียังพบว่า อ่าวปัตตานี
เป็นแหล่งที่นกจากไซบีเรียอพยพมาในช่วงฤดูหนาวทุกปี ซึ่งในแต่ละปีประมาณว่ามีไม่ต่ำกว่า 20,000 ตัว แต่
สภาพการใช้พื้นที่ชายฝั่งและสิ่งแวดล้อมของอ่าวปัตตานี กำลังประสบปัญหาทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม
ทำนากุ้งและกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เพราะเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้กัน น้ำเสียจากนากุ้งก็ไหลลงสู่แม่น้ำ ทำให้เกิด
ปัญหาน้ำเสีย ปลาในกระชังตายหรือได้รับความเสียหาย ปัญหาขยะจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม ในขณะ
ที่กำลังส่งเสริมให้จังหวัดปัตตานีเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่รอบอ่าวปัตตานีและพื้นที่ชายฝั่งหลายแห่งมีขยะเกลื่อน
กลาดอยู่โดยทั่วไป เนื่องจากพื้นที่โดยรอบอ่าวปัตตานีมีชุมชนที่อยู่ติดกับชายฝั่งและใกล้ชายฝั่งจำนวน 7 ตำบล
และ 1 เทศบาล มีประชากรโดยรอบอ่าวรวม 95,417 คน ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีมีประชากรประมาณ
41,815 คน นอกนั้นกระจายอยู่ตามชุมชนรอบชายฝั่ง มีชุมชนรอบอ่าวเพียง 2 ชุมชนที่มีการจัดเก็บขยะอย่าง
เป็นระบบได้แก่ เทศบาลเมืองปัตตานีและสุขาภิบาลตำบลยามู นอกนั้นแล้วไม่มีระบบจัดเก็บขยะ ชาวบ้านต่างนำ
ขยะไปทิ้งในที่ว่างของชุมชน
จากการที่จังหวัดปัตตานีได้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนภาคอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่
939 ไร่ เป็นพื้นที่ตั้งโรงงาน 565 ไร่ พื้นที่สาธารณูปการและสิ่งอำนวยความสะดวก 374 ไร่ ซึ่งองค์การ
บริหารส่วนจังหวัดเป็นผู้ดูแลให้เอกชนเช่าและทำสัญญาเช่าไปแล้ว 465 ไร่ หรือร้อยละ 82 ของพื้นที่ให้เช่าตั้ง
โรงงาน ปัจจุบันเขตอุตสาหกรรม 939 ไร่ ยังไม่มีระบบคูระบายน้ำโรงงาน ส่วนใหญ่ระบายน้ำทิ้งออกนอก
บริเวณโรงงานแล้วปล่อยให้ไหลไปเองตามธรรมชาติ โรงงานที่อยู่ติดแม่น้ำและทะเลก็ปล่อยน้ำทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ
โดยตรง ปัจจุบันยังไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียรวม บางโรงงานมีการบำบัดบางขั้นตอน ยังไม่ครบถ้วนตามที่กฎหมาย
กำหนด ขณะนี้น้ำเสียจำนวนมากถูกปล่อยลงสู่อ่าวปัตตานี จากการสำรวจวิจัยของนักวิจัยชาวเนเธอร์แลนด์ที่เข้ามา
ศึกษาตะกอนบริเวณอ่าวปัตตานีพบว่า มีโลหะหนักหลายชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์เช่น ตะกั่ว แคดเมี่ยม
และสังกะสี เมื่อเปรียบเทียบกับอ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ่าวปัตตานีและอ่าว Jeram ในประเทศมาเลเซีย
พบว่าในอ่าวปัตตานีมีตะกอนโลหะหนักดังกล่าวมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรจะดำเนินการแก้ไขโดยเร่งด่วน เนื่องจาก
โลหะหนักเหล่านี้จะสะสมอยู่ในสัตว์น้ำ โดยเฉพาะหอยแครงและหอยแมลงภู่ซึ่งมีมากในอ่าวปัตตานี เมื่อนำสัตว์เหล่านี้
ไปบริโภคโลหะหนักก็จะสะสมอยู่ในร่างกาย เมื่อมีปริมาณมากก็จะทำให้เกิดอันตรายได้
ผศ. ดร. ครองชัย หัตถา ได้เสนอแนะการแก้ไขปัญหาว่าจากการที่รอบอ่าวปัตตานีมีปัญหาสิ่งแวดล้อม
หลายด้าน ได้แก่ น้ำเสียจากชุมชนและโรงงานอุตสาหกรรม การเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ปัญหาขยะจากโรงงานอุตสาห
กรรมและจากการประมง และปัญหาที่ยังไม่ได้มีการศึกษาอีกเช่น กลิ่นและวัตถุมีพิษ ปัญหาที่เกิดจากการขาดการ
บริหารและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ จึงควรมีการศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อมในทุกด้าน การจัดทำนโยบายแผนงาน
การจัดองค์กรรับผิดชอบดูแล มีการติดตามผลตรวจสอบ การลงโทษตามกฎหมาย ตลอดจนรณรงค์ขอความร่วมมือ
ให้ชาวบ้านและเอกชนทั่วไป รับผิดชอบและมีส่วนร่วมในการดูแลสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
***********************
|