: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ฉบับที่ /0 ประจำเดือน 9/ 2554
หัวข้อข่าว : วันมหิดล ประจำปี 2554
รายละเอียด :
        สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร  อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก  กรมหลวงสงขลานครินทร์  พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันไทย  เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 69  ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์  พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5  และสมเด็จพระศรีสวรินทิราพระบรมราชเทวี  สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า  ทรงพระราชสมภพในพระบรมมหาราชวัง  เมื่อวันที่ 1  มกราคม  พุทธศักราช  2434
สมเด็จพระบรมราชชนก  ทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี  มีพระธิดาและพระโอรส 3 พระองค์คือ  สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์  
พระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล  และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
        ด้านการศึกษา  ในปี  พ.ศ. 2448  ได้ทรงเข้าเป็นนายร้อยทหารบก  ในปีเดียวกันได้ทรงไปศึกษา  ณ  โรงเรียนมัธยมประเทศอังกฤษ  หลังจากนั้นได้ทรงศึกษาวิชาทหารและวิชาทหารเรือขั้นสูง  ณ  ประเทศเยอรมัน  ขณะทรงศึกษาในปีสุดท้ายทรงชนะการประกวดออกแบบเรือดำน้ำ  หลังจบการศึกษาหลักสูตร 4 ปีแล้ว  ได้ทรงเข้าปฏิบัติงานเป็นนายทหารในราชนาวีเยอรมัน  เป็นเวลา 3 ปี  ในปี 2458  ได้ทรงเสด็จนิวัติประเทศไทยและเข้ารับราชการในกองทัพเรือเป็นเวลา 9 เดือน  ก็ทรงลาออกเนื่องจากทรงพบอุปสรรคในการพัฒนากองทัพเรือไทยให้เหมาะสม
        ในขณะที่ทรงลาออกนั้น  ได้รับทราบถึงความขาดแคลนต่างๆ ในด้านการแพทย์และการให้การรักษาพยาบาลผู้ป่วย  จึงทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษา  เช่น  ทรงส่งบุคคลไปศึกษาวิชาการแพทย์และพยาบาล  ณ  ต่างประเทศ  โดยทุนส่วนพระองค์  ตั้งแต่  พ.ศ. 2460  จนเสด็จทิวงคต  
เมื่อพระราชทานทุนการศึกษาส่วนพระองค์นั้น  ทรงมีพระราชดำรัสว่า “เงินที่ฉันได้ใช้ออกมาเรียนหรือให้
พวกเธอออกมาเรียนนี้  ไม่ใช่เงินของฉัน  แต่เป็นเงินของราษฎรเขาจ้างให้ฉันออกมาเรียน  ฉะนั้นเธอต้องตั้งใจเรียนให้ดีให้สำเร็จ  เพื่อจะได้กลับไปทำประโยชน์แก่ประเทศชาติ  และขอให้ประหยัดใช้เงินเพื่อฉันจะได้มีเงินเหลือไว้สำหรับช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป” และพระราชดำรัส ที่ทรงประทานให้กับนาย์สวัสดิ์  แดงสว่าง
( ศาสตราจารย์นายแพทย์สวัสดิ์ แดงสว่าง ) นักเรียนทุนพระราชทานว่า "ขอให้ถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง   ลาภทรัพย์และเกียรติยศจะตกมาแก่ท่านเอง   ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพย์ไว้ให้บริสุทธิ์ "
        จากความสนพระทัยในวิชาการแพทย์ พระองค์ได้เข้าศึกษาวิชาสาธารณสุขจากประเทศอังกฤษ ตลอดจนศึกษาวิชาสาธารณสุข และวิชาการแพทย์จากสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ และทรงได้รับปริญญาแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิต เกียรตินิยม เมื่อปี  พ.ศ. 2471  และในปีเดียวกันก็ได้เสด็จนิวัติประเทศไทยและมีพระราชประสงค์
จะทำหน้าที่แพทย์  ณ  โรงพยาบาลศิริราช  แต่ทางการไม่อาจสนองพระราชประสงค์ได้  เพระเกี่ยวฐานันดรศักดิ์ ของพระองค์และพระราชประเพณี  จึงทรงไม่พอพระทัยที่จะอยู่เฉย  ๆ โดยไม่ได้ทำประโยชน์  จึงมีพระดำรัสว่า “โดยความจงรักภักดีของฉันต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ฉันไม่สามารถจะรับหน้าที่ใด ๆ ของรัฐบาล  เพียงแต่รับเครื่องประดับและรับเงินเดือนสำหรับการทำเช่นนั้น  ถ้าเรื่องเป็นเช่นนั้นฉันรู้สึกว่า
ฉันควรจะออกจากหน้าที่นั้นดีกว่า  และให้ราชการที่ควรจะทำหน้าที่และเป็นที่ต้องการ  ได้รับเงินเดือนมากกว่าฉันเข้าทำแทน”  
ดังนั้นจึงทรงเปลี่ยนความตั้งพระทัยเสด็จไปปฏิบัติหน้าที่แพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลแมคคอมิค  จังหวัดเชียงใหม่  ตามที่ทางโรงพยาบาลกราบทูลอัญเชิญมา  ทรงมีมหาดเล็กรับใช้เพียงคนเดียว  ทรงใช้ใช้เวลาส่วนใหญ่กับผู้ป่วยในโรงพยาบาลและปฏิบัติพระองค์เยี่ยงแพทย์ธรรมดาสามัญผู้หนึ่ง  ไม่โปรดให้แพทย์  พยาบาล  หรือเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล  ผู้ปฏิบัติงานร่วมกับพระองค์ประพฤติต่อพระองค์เยี่ยงเจ้านาย
ผู้สูงศักดิ์ ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างสามัญชน  เวลาจ่ายใบสั่งยาก็ทรงลงพระปรมาภิไธยคล้ายสามัญชนว่า  “มหิดลสงขลา”  
แม้ว่าพระสุขภาพจะไม่ดีนัก  แต่ก็ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอันมากกับการที่มีโอกาสเป็นหมอได้อย่างเต็มที่  ในช่วงระยะเวลาไม่นานก็มีกิตติศัพท์แพร่หลายไปทั่วไปว่า  มีแพทย์เป็นเจ้าฟ้ามาทรงปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลแมคคอมิค  ผู้ป่วยไข้ที่มารับการตรวจบำบัดโรคที่โรงพยาบาลในครั้งนั้น ขนานนามพระองค์ท่านว่า “หมอเจ้าฟ้า”
        สมเด็จพระบรมราชชนกมีโอกาสประทับที่เชียงใหม่  ให้ผู้คนชาวเชียงใหม่ได้ชื่นขมในพระกรุณา
ในชั่วเวลาไม่ถึงเดือน  ก็ต้องเสด็จกลับกรุงเทพฯ  เพราะทรงประชวร  จนถึงวันที่ 24 กันยายน  พ.ศ. 2472  
ก็เสด็จทิวงคต  รวมพระชนม์มายุได้ 37 ปี  8 เดือน  กับ 23 วัน  เนื่องจากพระปับผาสะ มีน้ำคั่ง
และพระหทัยวาย  นับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการแพทย์ไทย  ดังนั้นวันที่ 24  กันยายน  จึงเรียกกันว่า “วันมหิดล”        
แม้ว่าสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร  อดุลยเดชวิกรม  พระบรมราชชนก  ได้เสด็จทิวงคตไปแล้วกว่า 80 ปี  แต่พระราชดำรัสของพระองค์ท่านที่ว่า         “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่สอง  ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง  ลาภ  ทรัพย์  และเกียรติยศ  จะตกแก่ท่านเอง  ถ้าท่านทรงธรรมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
ก็ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวใจของปวงชนมิรู้คลาย
        เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่าน  ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นประโยชน์สุขของผู้อื่นตลอดพระชนม์ชีพ  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ร่วมกับส่วนราชการต่าง  ๆ จึงได้จัดกิจกรรมเนื่องในวันมหิดลเป็นประจำทุกปี  โดยในปีนี้ได้กำหนดจัดกิจกรรมวันมหิดล  เมื่อวันเสาร์ที่ 24  กันยายน  2554  ซึ่งมีกิจกรรมประกอบด้วย  การทำบุญตักบาตรพระสงฆ์  พิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน  ถวายภัตตาหารเช้า  พิธีวางพวงมาลาการแข่งขันกีฬาห้าพี่น้องเกมส์
2554 ระหว่าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี ศูนย์บำบัดรักษายาเสพติด (บ้านปากน้ำ) จังหวัดปัตตานี โรงพยาบาลค่ายอิงคยุทธบริหาร จังหวัดปัตตานี
(ชมภาพได้ที่เว็บไซต์  http://pr.pn.psu.ac.th/picturebank/day/psu-mahidol2554/mahidol54.html)
                                                                              ****************************************

 
   
โดย : * [ วันที่ ]