นักศึกษาวิชาเอกจิตวิทยาการปรึกษาและการแนะแนว ชั้นปีที่ ๓ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้รับรางวัลชนะเลิศจากผลงานวิจัยความวิตกกังวลของนักศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี และรางวัลรองชนะเลิศ
จากผลงานวิจัยการศึกษาพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนเทศบาล
อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ในงาน ศวชต.มนร. วิชาการ ประจำปี ๒๕๕๓ ของมหาวิทยาลัย
นราธิวาสราชนครินทร์ เมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๓
นางสาวรออานี เจ๊ะอุเซ็ง ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศจากผลงานวิจัยความวิตกกังวลของนักศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ในงาน ศวชต.
มนร. วิชาการ ประจำปี ๒๕๕๓ กล่าวว่า โครงการศึกษาวิจัยเรื่องความวิตกกังวลของนักศึกษา
คณะศึกษาศาสตร์ ชั้นปีที่ ๑ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นกระบวนการศึกษา
วิจัยของนักศึกษาชั้นปีที่ ๓ วิชาเอกจิตวิทยาการปรึกษาและการแนะแนว ภาควิชาจิตวิทยาและ
การแนะแนว คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นการศึกษา
ความวิตกกังวลและวิธีลดความวิตกกังวลของนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ คณะศึกษาศาสตร์ ที่มีต่อสถานการณ์
จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะผู้วิจัยประกอบด้วยนางสาวรออานี เจ๊ะอุเซ็ง นางสาวกัลยารัตน์ แก้วอินทร์
นางสาวรอบียา บูแม นางสาวพาตีเมาะ มะสาแม็งและนางสาววันใหม่ หวั่นร้าหมาน โดยใช้กลุ่ม
ตัวอย่าง จำนวน ๒๒๒ คน
จากการศึกษาพบว่านักศึกษาส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลอยู่ในระดับปานกลาง โดยนักศึกษาหญิง
มีความวิตกกังวลมากกว่านักศึกษาชาย และนักศึกษาที่มีสาขาวิชาเอกแตกต่างกัน มีความวิตก
กังวลแตกต่างกัน โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปีที่ ๑ สาขาวิชาเอกจิตวิทยาและเทคโนโลยีการศึกษา
มีความวิตกกังวลสูงกว่าสาขาวิชาอื่น ๆ นักศึกษาส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลเรื่องการศึกษา
คิดเป็นร้อยละ ๖๗.๓๔ รองลงมาคือปัญหาครอบครัว ส่วนปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ
ในพื้นที่นั้น นักศึกษาส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ ๕๓.๒๐ ระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบต่อการศึกษา
และร้อยละ ๒๕.๒๐ คิดว่าปัญหาดังกล่าวมีผลกระทบ จากความวิตกกังวลดังกล่าว นักศึกษาส่วนใหญ่
ใช้วิธีการแก้ปัญหาโดยการทำความเข้าใจปัญหาและหาทางออกด้วยตนเอง รองลงมาปรึกษา
คนในครอบครัว เพื่อน อ่านคัมภีร์อัลกุรอ่าน และออกกำลังกาย
คณะศึกษาวิจัยดังกล่าวมีการนำเสนอข้อเสนอแนะ โดยนักศึกษาส่วนใหญ่มีความวิตกกังวล
อยู่ในระดับปานกลาง นักศึกษาส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลเรื่องการศึกษามากกว่า ซึ่งนักศึกษา
จะหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง แม้ว่าความวิตกกังวลระดับปานกลางจะมีผลต่อความสำเร็จทาง
การศึกษา แต่เพื่อไม่ให้มีแนวโน้มความวิตกกังวลมากขึ้น ผู้ที่เกี่ยวข้องได้แก่ อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์ผู้สอน เจ้าหน้าที่ รวมทั้งผู้ปกครอง ต้องคอยระวังดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ
นักศึกษาหญิงและนักศึกษาที่มีสาขาวิชาเอกที่นักศึกษารู้สึกว่าเรียนยากเป็นกรณีพิเศษ และ
ควรศึกษาวิธีลดความวิตกกังวลที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาสำหรับ
นักศึกษาชั้นปีที่ ๑ ต่อไป
นางสาวซาลีฮะห์ สาและ ผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศจากผลงานวิจัยการศึกษาพฤติกรรม
ก้าวร้าวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนเทศบาล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
ในงาน ศวชต.มนร. วิชาการ ประจำปี ๒๕๕๓ กล่าวว่า การศึกษาวิจัยเรื่องการศึกษาพฤติกรรม
ก้าวร้าวของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียนเทศบาล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
เป็นการศึกษาระดับพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาในเขตเทศบาล อำเภอเมือง
จังหวัดปัตตานี คณะผู้วิจัยประกอบด้วยนางสาวซาลีฮะห์ สาและ นางสาวนาซูฮา อีแต นางสาวนูรียะ
เจะหะ นางสาวฟาดีละ แวดราแม นางสาวอรวรรณ ฮะ และนางสาวฮาปีซะห์ มามะ นักศึกษา
ชั้นปีที่ ๓ วิชาเอกจิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว ภาควิชาจิตวิทยาและการแนะแนว คณะ
ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด
๑๕๐ คน ศึกษาวิจัยแบบวัดพฤติกรรมก้าวร้าวตามแนวคิด
ของแบนดูรา
ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีระดับพฤติกรรมก้าวร้าวอยู่ในระดับปานกลาง นักเรียนที่
เพศและศาสนาแตกต่างกัน มีระดับคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวแตกต่างกัน ส่วนนักเรียนที่มีอายุ
ระดับชั้นเรียน เกรดเฉลี่ย ภูมิลำเนา การอยู่อาศัย รายได้เฉลี่ย และสถานภาพของ
บิดามารดาแตกต่างกัน มีระดับคะแนนพฤติกรรมก้าวร้าวไม่แตกต่างกัน จากการที่นักเรียน
ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมก้าวร้าวอยู่ในระดับปานกลางและอาจจะมีแนวโน้มสูงขึ้น หากไม่ได้รับ
การป้องกันและแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้ปกครองและครู ควรดูแลเอาใจใส่
ต่อบุตรหลานและลูกศิษย์ โดยเฉพาะนักเรียนชาย อาจเปิดโอกาสให้นักเรียนชายเหล่านั้น
ได้แสดงออกตามความรู้ความสามารถตามที่สังคมยอมรับ เช่น จัดประกวดวงดนตรี ร้องเพลง
การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนมัธยมในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ตลอดจนส่งเสริมถึงระดับภูมิภาค
และประเทศต่อไป
นอกจากนี้ครูและผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ให้มากขึ้น สร้างความเข้าใจระหว่างนักเรียน
กับครู ลูกกับพ่อแม่ผู้ปกครองกันมากขึ้น เพื่อเป็นที่ปรึกษาชีวิตให้กับนักเรียนชายเหล่านั้น
ตลอดจนส่งเสริมนักเรียนตามความถนัดและความสามารถ แสดงความชื่นชมเพื่อให้เด็กเห็น
คุณค่าของตน คาดว่าจะช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการมีพฤติกรรมก้าวร้าว และยังป้องกันไม่ให้
เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่น ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ควรศึกษาโปรแกรมการลดพฤติกรรม
ก้าวร้าวของนักเรียนตามความเหมาะสมกับบริบทของนักเรียนในพื้นที่ โดยพิจารณาถึงความ
แตกต่างของตัวแปร เพศ และศาสนาของนักเรียน
************************************
|