: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ฉบับที่ 21 ประจำเดือน 05 2551
หัวข้อข่าว : นักวิจัย ม.อ. ปัตตานี ศึกษาสถานการณ์ความรุนแรงจังหวัดชายแดนใต้ ไม่มีผลกระทบต่อการอพยพย้ายถิ่น
รายละเอียด :
         นักวิจัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  พบว่าสถานการณ์ความไม่สงบจังหวัดชายแดนภาคใต้  
ไม่มีผลกระทบต่อการอพยพย้ายถิ่นและประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ  มุสลิม  ยังมีการพบปะ  มีความรักในถิ่นฐาน พร้อมทั้ง
ย้ำให้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงการอพยพย้ายถิ่น เพื่อป้องกันการหวาดระแวง  ความไม่ไว้ใจ
         ผศ. ปิยะ  กิจถาวร  หัวหน้าโครงการวิจัยผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงด้านความปลอดภัยในชีวิต
และทรัพย์สิน  กรณีศึกษาการอพยพย้ายถิ่นในพื้นที่  ๓  จังหวัดชายแดนภาคใต้และแนวทางแก้ไข  มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  กล่าวว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้มีพื้นที่หนึ่งหมื่นกว่าตารางกิโลเมตร   มีประชากร
ประมาณสองล้านคน  โดยเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม  ร้อยละ  ๘๐   ศาสนาพุทธร้อยละ  ๒๐  ภายใต้สถานการณ์
ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ตั้งแต่ปี  ๒๕๔๗ – ๒๕๔๙  มีข่าวสารและประเมินว่าชาวไทยพุทธอพยพ
ย้ายถิ่นไปแล้วเป็นจำนวนมาก  จึงมีการศึกษาผลกระทบจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดน
ภาคใต้ต่อชุมชนและชาวบ้านด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  ศึกษากรณีอพยพย้ายถิ่นและแนวทาง
แก้ไขขึ้น
         ผลการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่โดยกำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน  ในพื้นที่  ๑๖๐  คน  ใน  ๙  อำเภอ  สรุปว่าเจ้าหน้าที่รัฐ
ยังไม่สามารถลดอิทธิพลและการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในหมู่บ้านได้  รวมทั้งยังไม่เชื่อมั่นต่อมาตรการ
เจ้าหน้าที่รัฐในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในหมู่บ้าน  ชาวบ้านหวาดกลัวกลุ่มก่อความ
ไม่สงบมากขึ้น  แต่ก็ไม่เห็นด้วยกว่าครึ่งว่าพื้นที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงได้ขยายตัวออกไป  ขณะเดียวกันก็เห็นว่าชาวบ้านทั้ง
ไทยพุทธและมุสลิม  สามารถปฏิบัติศาสนกิจ  รักษาวิถีชีวิตประเพณีวัฒนธรรมของตนเองได้  ต้องการร่วมสร้าง
สันติสุข  และอยากให้โรงเรียนของรัฐเปิดการเรียนการสอนตามปกติ  แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ก็ตาม
และผลกระทบที่สำคัญจากเหตุการณ์ความไม่สงบคือ  การประกอบอาชีพของชาวบ้านมากที่สุด  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ผลผลิตยางพารา  ลดลงร้อยละ  ๓๐  เพราะต้องเปลี่ยนเวลาในการออกไปตัดยาง  แต่ผลผลิตด้านไม้ผลมีมากและ
ออกสู่ตลาดในเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม  แต่ไม่มีพ่อค้ามารับซื้อทำให้ราคาตกต่ำ
               สำหรับการย้ายเข้าย้ายออกมีจำนวนไม่แตกต่างกันมากนักและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน  ซึ่งเป็นข้อมูลเบื้องต้นที่
ยืนยันได้ว่าตั้งแต่ปี  ๒๕๔๗ – มิถุนายน  ๒๕๕๐  มีชาวไทยพุทธอพยพย้ายออกจากพื้นที่รวม  ๓๑๙  คนเท่านั้น  และ
ประชาชนในพื้นที่ทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมไม่มีความคิดที่จะอพยพออก  ถึงแม้ว่าเหตุการณ์มีความรุนแรงมากขึ้น  เพราะ
รักในถิ่นฐาน  อยู่อาศัยมานาน  มีอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก
         ผศ. ปิยะ  กิจถาวร  กล่าวอีกว่าการศึกษาวิจัยดังกล่าวเป็นเพียงการศึกษาเบื้องต้น  เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงภาพรวม
ของสถานการณ์ความรุนแรงใน  ๓  จังหวัดชายแดนภาคใต้  และข้อมูลเกี่ยวกับการอพยพย้ายถิ่นในพื้นที่ที่ทำการศึกษา  
ซึ่งพบว่าการอพยพย้ายถิ่นในพื้นที่ที่ทำการศึกษามีไม่มากนัก  แม้ว่าจะเป็นพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่าง
ต่อเนื่องตั้งแต่ปี  ๒๕๔๗  จนถึงปัจจุบัน  ที่น่าสนใจคือทั้งชาวไทยพุทธไทยมุสลิมได้ตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยร่วมกันมานาน  
ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมุสลิม  เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ  ความหวาดกลัว  และไม่ไว้ใจกันบ้าง  แต่ยังมีการไป
มาหาสู่กันและต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน  ทั้งนี้ผลงานวิจัยดังกล่าวมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  อาทิ  ศูนย์อำนวยการ
บริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้  สถาบันการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้  ตลอดจนภาคเอกชน  สามารถนำผลการประเมิน
สถานการณ์ความรุนแรง  ข้อมูลการอพยพย้ายถิ่น  และข้อเสนอแนะในการลดผลกระทบ  กรณีการอพยพย้ายถิ่นไปใช้
เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดมาตรการการแก้ไขปัญหาของประชาชนในพื้นที่


                                                           ********************************
โดย : * [ วันที่ ]