: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 08 ประจำเดือน 08 2546
หัวข้อข่าว : นิทานพื้นบ้านภาคใต้ : กระบวนการเรียนรู้
รายละเอียด :
         มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่สำคัญของประเทศ  มีพันธกิจในการ
กระจายโอกาสทางการศึกษาสู่ภาคใต้  เพื่อยกระดับมาตรฐานการศึกษาในท้องถิ่นให้เป็นศูนย์กลางการศึกษาและ
มีความเป็นเลิศอย่างแท้จริง  ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ตอบสนองพันธกิจดังกล่าวเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นภาคใต้มาโดยตลอด  
จึงเห็นความจำเป็นในการที่จะสื่อให้สังคมเข้าใจและรับรู้การปฏิบัติภารกิจของมหาวิทยาลัยมากขึ้น  ด้วยการจัดงาน  
“ม.อ. วิชาการ”  (PSU  Open  Week  2003)  เมื่อวันที่  16 – 24  สิงหาคม  2546  เพื่อให้สังคมได้มีความ
เชื่อมั่นในผลงานของมหาวิทยาลัย
         สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา  เป็นหน่วยงานหนึ่งในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  
มีภารกิจในด้านการทำนุบำรุงศิลปะและวัฒนธรรมของภาคใต้  ได้จัดกิจกรรมโครงการรักษ์ถิ่นฐานกับนิทาน
พื้นบ้านภาคใต้  เมื่อวันที่  19  สิงหาคม  2546  เพื่อให้นักเรียน  นักศึกษาในจังหวัดปัตตานี  ได้เห็นความสำคัญของ
นิทาน  ตำนาน  และความเชื่อในท้องถิ่น  นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันและให้เห็นกระบวนการสอนและการเรียนรู้ของ
บรรพชนในอดีต
         นิทานเป็นวรรณกรรมมุขปาฐะที่เล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน  เกิดขึ้นเพราะความต้องการเรียนรู้ความ
เป็นมาเป็นไปของชีวิตและต้องการความบันเทิงใจ  มนุษย์จึงใช้ปัญญาและจินตนาการผูกนิทานขึ้นประกอบด้วยเรื่องราว
ที่มีฉากมีตัวละครแสดงความเป็นมาและเป็นไปของชีวิตและสิ่งต่าง    ดังนั้นจึงสามารถตอบสนองความสนใจของมนุษย์
ได้เป็นอย่างดี  ทำให้รู้สึกสนุกสนานเมื่อได้ฟังนิทาน  เพราะจะนำผู้ฟังเข้าไปสู่โลกอีกโลกหนึ่งเป็นโลกของจินตนาการ  
ทำให้ผู้ฟังพบกับความแปลกใหม่  ก่อให้เกิดความสนุกสนาน  พ้นความจำเจในชีวิตประจำวันได้ชั่วขณะ
         กิจกรรมในวันนั้นมีนักเรียน  นักศึกษา  มาเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้เกือบสองร้อยคน  มากันด้วยความตั้งใจ
สนใจหัวข้อเรื่องที่ผู้จัดได้ตั้งไว้  เริ่มกิจกรรมผู้จัดได้เรียนเชิญ  พนม  นันทพฤกษ์  ซึ่งเป็นนักเขียนที่เขียนหนังสือ
เกี่ยวกับวรรณกรรมเยาวชนภาคใต้ไว้หลายเล่มมาเล่าเรื่องและให้ความรู้เกี่ยวกับนิทานพื้นบ้านภาคใต้  โดยได้บอก
ลักษณะสำคัญของนิทานพื้นบ้านว่ามีหลายลักษณะจำแนกได้ดังนี้
         (1)  นิทานพื้นบ้านแต่เดิมมาสืบต่อโดยิธีมุขปาฐะคือ  เล่าสู่กันฟังและจดจำเล่าต่อ  ๆ  กันมาเป็นเวลาช้านาน  
จนไม่สามารถจะรู้ได้ว่าใครเป็นผู้ริเริ่มผูกเรื่องขึ้นมา  การสืบต่อกันในลักษณะนี้ทำให้นิทานแต่ละเรื่องมีโอกาส
ผิดเพี้ยนไปจากเรื่องเดิมมากขึ้น  ทั้งในลักษณะการขาดหาย  การเพิ่มเติม  และการเปลี่ยนแปลงอนุภาคของเรื่องตาม
สังคม  ในระยะหลังจึงได้มีการนำเอานิทานพื้นบ้านมาเขียนขึ้นหรือปรุงแต่งเป็น  “วรรณกรรมลายลักษณ์”
         (2)  นิทานเล่ากันแต่เดิมด้วยถ้อยคำธรรมดา  เป็นร้อยแก้ว  มุ่งเอารสของเรื่องมากกว่ารสของคำ
         (3)  มีลักษณะเป็นเรื่องราวที่มีฉาก  มีตัวละคร  แสดงพฤติกรรมหรือความเป็นมาและความเป็นไป
ของชีวิตและสิ่งต่าง  ๆ  และเป็นเรื่องราวที่มนุษย์สร้างขึ้นมา  โดยอาจสร้างจากจินตนาการของตัวเอง  หรือมีเค้าเรื่องจริง
อยู่ก่อนแล้วนำมาจินตนาการขยายความเสริมต่อให้พิสดารออกไปก็ได้  อาจเป็นภาษิต  สำนวน  ปริศนาคำทาย  ฯลฯ
         (4)  มีลีลาการดำเนินเรื่องอย่างง่าย  ๆ  ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเหมือนวรรณกรรมปัจจุบัน  เช่น  เมื่อเริ่มเรื่อง
ก็จะเดินเรื่องไปข้างหน้าเรื่อย  ๆ  ไม่ค่อยมีการเล่าเรื่องย้อนหลังเหมือนวรรณกรรมบันเทิงรูปแบบใหม่  ๆ
         (5)  มีเป้าหมายหลักเพื่อความบันเทิงใจของผู้ฟังและอาจมีเป้าหมายอื่น  ๆ  ที่สอดแทรกไว้ในเรื่องด้วยก็ได้  
เช่น  เพื่อการสั่งสอนอบรม  เพื่อตอบข้อสงสัยบางอย่างแก่ผู้ฟัง
         ท่านพนม  นันทพฤกษ์  บอกเล่าจนผู้เข้าฟังในห้องประชุมที่เป็นนักเรียนชั้นประถมปีที่  5 – 6  และพี่  ๆ  
นักศึกษาชมรมหนังสือและวรรณกรรม  “กลุ่มรวงข้าว”  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ได้ร่วมพูดคุย
เรื่องหนังสือนิทานกับการเรียนรู้และร่วมสนุกช่วยกันเสริมแต่งนิทาน  และพยายามซักถามถึงประเภทเนื้อหาของนิทาน
พื้นบ้านในสังคมภาคใต้ว่ามีกี่ประเภท  จนท่านวิทยากรต้องรีบบอกกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า  นิทานพื้นบ้านภาคใต้มีเนื้อหา
หลากหลายประเภท  แต่ในที่นี้จะขอแยกประเภทคร่าว  ๆ  ดังนี้
         (1)  นิทานมุขตลก  เป็นนิทานที่มุ่งให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟังโดยตรง  ชาวใต้ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีอารมณ์ขัน  
การปฏิบัติในวิถีชีวิตประจำวันหรือแม้แต่ในวัฒนธรรมบางอย่างจะแฝงลักษณะนี้ให้เห็นอยู่เสมอ  นิทานประเภทนี้
จึงเป็นนิทานที่เป็นที่นิยมของชาวใต้มากเป็นพิเศษ  และมักมีการจำและเล่าสืบต่อ  ๆ  กันมาจนถึงปัจจุบัน  มีการแพร่
กระจายสูงกว่านิทานประเภทอื่น  ๆ  เช่น  นิทานมุขตลกเกี่ยวกับเรื่องเพศ ,  นิทานมุขตลกเกี่ยวกับลักษณะ  นิสัย  และ
ความสามารถของตัวละคร  และนิทานมุขตลกแบบย้อนผู้ฟัง  เป็นต้น
         (2)  นิทานอธิบาย  เป็นนิทานที่มุ่งให้คำตอบเกี่ยวกับความเป็นมาของสิ่งและสภาพต่าง  ๆ  ทั้งที่เกี่ยวกับมนุษย์  
สัตว์  พืช  และธรรมชาติอื่น  ๆ  นิทานประเภทนี้เป็นนิทานเก่าแก่ที่เล่าสืบทอดกันมาช้านาน  นักเล่านิทานคาดคิดถึง
ความเป็นมาของสิ่งและสภาพต่าง  ๆ  เอาอย่างง่าย  ๆ  แล้วเล่าสู่กันฟังและมีการจดจำสืบต่อกันมาเรื่อย  เช่น  นิทาน
อธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ,  นิทานอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติของสัตว์  นิทานเกี่ยวกับธรรมชาติของพืช  และ
นิทานอธิบายเกี่ยวกับธรรมชาติอื่น  ๆ  ทั่วไป  เป็นต้น
         (3)  นิทานเกี่ยวกับสถานที่ตามธรรมชาติ  เป็นนิทานอธิบายถึงการกำเนิดของสถานที่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ในท้องถิ่นต่าง  ๆ  ในภาคใต้  เช่น  เกาะ  ภูเขา  แม่น้ำ  ลำคลอง
         (4)  นิทานเกี่ยวกับความเชื่อต่าง  ๆ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อในอำนาจเร้นลับต่าง  ๆ  เช่น  ผีสาง  นางไม้  
เทวดา  เจ้าที่เจ้าทาง  อำนาจไสยศาสตร์  ซึ่งมีผลต่อความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ทั้งในทางให้โทษและให้คุณ  รวมไปถึง
ความเชื่อเกี่ยวกับโชคลาภหรือการได้ทรัพย์สมบัติจากการดลบันดาลของอำนาจเร้นลับเหล่านั้นด้วย  เช่น  นิทานความเชื่อ
เกี่ยวกับทรัพย์สมบัติ  นิทานความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องผีหรืออำนาจเร้นลับ
         (5)  นิทานคติ  เป็นนิทานที่มีเนื้อหาในทางสั่งสอน  อบรม  หรือให้คติในการดำเนินชีวิตแก่ผู้ฟังตามค่านิยมของ
สังคมภาคใต้  ตัวละครในเรื่องมีทั้งเป็นสัตว์  มนุษย์  และอมนุษย์  หรือบางครั้งก็ผสมผสานกันในเรื่องเดียวกัน  ส่วนใหญ่เป็น
เรื่องสั้น  ๆ  มุ่งให้แนวคิดเกี่ยวกับคติหรือคุณธรรมที่เด่นชัดเพียงอย่างเดียวในเรื่องหนึ่ง  ๆ
         กิจกรรมในช่วงบ่ายของวันนั้น  ได้มีการประกวดการเล่านิทานพื้นบ้านภาคใต้  โดยมีอาจารย์สถาพร  ศรีสัจจัง  
จากสถาบันทักษิณคดีศึกษา  มหาวิทยาลัยทักษิณ  อาจารย์คำนวณ  คำมณี  จากภาควิชาปรัชญา  คณะมนุษยศาสตร์
และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  และอาจารย์ประไพ  แก้วนาวี  โรงเรียนโพธิ์คีรีราช
ศึกษา  ได้มาร่วมเป็นกรรมการในการตัดสินการเล่านิทาน  ซึ่งมีผู้เข้าประกวดการเล่านิทาน  6  โรงเรียน  นักเรียน
จำนวน  25  คน  แต่ละคนมีวิธีการเล่าโดยการใช้ภาษาถิ่นไทยปักษ์ใต้และภาษามลายูท้องถิ่น  มีท่วงทำนองที่ทำให้ผู้ฟัง
มีส่วนร่วมกับจินตนาการนั้นและรู้จักเลือกเนื้อหาที่นำมาเล่าจนผู้ฟังในห้องประชุม  นักเรียน  นักศึกษา  ผู้จัด  และคุณครู
ผู้ควบคุมนักเรียนจากโรงเรียนต่าง  ๆ  ในจังหวัดปัตตานี  เห็นถึงคุณค่าของนิทานพื้นบ้านนั้นว่ามีมากมายหลายประการ  
และได้ช่วยกันสรุปเป็นประเด็นหลัก  ๆ  ได้คือ  
         (1)  คุณค่าทางปัญญา  เป็นเรื่องราวที่ต้องอาศัยความรู้  ความคิด  จินตนาการและศิลปะในการสื่อความให้
ประสานกันได้ด้วยดี  นิทานทุกเรื่องจึงช่วยฝึกฝนและเสริมสร้างปัญญาแก่ผู้เล่า  ผู้ฟัง  และผู้ศึกษา  เช่น  การฝึกปัญญา
ในการผูกเรื่อง  การจดจำ  การปรับเปลี่ยน  และการตีความ
         (2)  คุณค่าทางการสำเริงอารมณ์  เป็นเรื่องราวที่มีตัวละคนแสดงพฤติกรรมหรือความเป็นมาเป็นไปของ
สิ่งต่าง  ๆ  จึงเป็นการสนองจิตสำนึกพื้นฐานด้านความบันเทิงและความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์  จึงให้ความสนุกสนาน
แก่ผู้ฟังเสมอ
         (3)  คุณค่าทางสังคมสัมพันธ์  การเล่านิทานทำให้เกิดการรวมกลุ่มกันในกลุ่มพวกซึ่งอาจเป็นเครือญาติ  
เพื่อนฝูง  หรือคนอื่น  ๆ  ทั่วไป  ซึ่งจะก่อให้เกิดความสนิทมักคุ้น  ความรัก  ความเข้าใจกันมากขึ้น  อันจะเอื้อประโยชน์
ต่อการอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
         (4)  คุณค่าทางการศึกษาศัพท์  สำนวนภาษาถิ่นใต้  ชาวบ้านภาคใต้จะเล่านิทานเล่าสู่กันฟังด้วยภาษาถิ่นใต้  
แม้การนำไปเล่าต่อจะมีการปรับสำนวนภาษาไปบ้าง  แต่ก็ยังคงเป็นภาษาถิ่นใต้อยู่  เมื่อมีการฟังนิทานและเก็บ
รวบรวมนิทานเรื่องต่าง  ๆ  บันทึกไว้  ย่อมทำให้เข้าใจศัพท์สำนวนต่าง  ๆ  ที่ผู้เล่าใช้และมีประโยชน์ทางการศึกษาภาษา
ต่อไป
         (5)  คุณค่าในการปลูกฝังค่านิยม  ความคิด  ความเชื่อของสังคมภาคใต้  นิทานทุกประเภทย่อมก่อให้เกิด
คุณค่าดังกล่าวได้ที่เห็นชัดเจนได้แก่  นิทานประเภทคติสอนใจซึ่งมุ่งปลูกฝังค่านิยมในการดำเนินชีวิตเช่น  เรื่องนินทากาเล  
ธุระไม่ใช่  ม้าสึกกับนายทหาร  ใครบาป
         (6)  คุณค่าทางการศึกษา  สังคมและวัฒนธรรมภาคใต้  นิทานที่เล่ากันในท้องถิ่นภาคใต้ไม่ว่าจะเป็นนิทานที่มี
กำเนิดในภาคใต้โดยตรงหรือแพร่กระจายมาจากแหล่งอื่นแล้วชาวใต้รับไว้และนำมาเล่าสืบต่อกัน  ผู้เล่าสามารถนำมา
เชื่อมโยงให้เห็นถึงสภาพสังคมและวัฒนธรรมภาคใต้ได้เป็นอย่างดี
         วันนั้นเป็นวันที่ผู้ใหญ่หลายท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมได้ตระหนักและเห็นถึงกระบวนการเรียนรู้ของเด็กจาก
นิทานพื้นบ้านภาคใต้ว่า  มีคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเรียนการสอนและการรับรู้ของเด็กนักเรียน  นักศึกษา  สามารถ
นำมาบูรณาการกับเรื่องต่าง  ๆ  ในอดีตและในยุคปัจจุบันให้เชื่อมโยงกันได้  การพัฒนาประเทศจะเกิดขึ้นได้ตามความ
คาดหวังของผู้ใหญ่ในประเทศนั้น  จะต้องเกิดจากภูมิปัญญาดั้งเดิม  ผนวกกับระบบคิด  การเรียนรู้ของเด็กในยุคไอที
ให้รู้จักการวิเคราะห์  สังเคราะห์  การย่อย  และการเลือกในสิ่งที่มีประโยชน์และมีคุณค่าต่อตัวเองและต่อสังคม  นั้นคือ
ภาระหน้าที่ที่ผู้ใหญ่ได้ให้ไว้กับเด็ก  ๆ  ในห้องประชุม  จัดการกับตัวเองให้ได้ในการดำเนินชีวิตในยุคนี้  เราคุยกันว่า
ขอแค่สิบคนจากเด็กเกือบสองร้อยได้เข้าใจเรื่องที่พวกเราช่วยกันจัดกิจกรรมขึ้นมาเท่านั้นก็พอแล้ว  ผู้จัดคิดว่า
กิจกรรมครั้งนี้คือการเริ่มต้นการเรียนรู้  โดยการนำนิทานมาเป็นเครื่องมือ  จึงได้วาดหวังไว้ว่าเรื่องดังกล่าวจะสามารถ
นำไปศึกษาวิจัยแบบบูรณาการกับนักเรียน  นักศึกษาในกลุ่มนี้และกลุ่มอื่น  ๆ  ต่อไป

                                          *******************************


โดย : * [ วันที่ ]