: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 6 ฉบับที่ 06 ประจำเดือน 06 2546
หัวข้อข่าว : แฆและตัมปุรง : กีฬาพื้นบ้านสันทนาการล้ำค่าของชาวพอแม็ง
รายละเอียด :
         กีฬาพื้นบ้านเป็นกิจกรรมหรือการละเล่นของชาวบ้านเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน  เพื่อพละกำลัง  หรือเพื่อผ่อนคลาย

ความเครียดทางด้านจิตใจ  ซึ่งกีฬาพื้นบ้านทุกชนิดส่งเสริมให้ได้พบปะกัน  มีสุขภาพดี  และการได้ปรับตัวเข้ากับสังคม  

ซึ่งแสดงถึงความเป็นพวกพ้องกัน  นอกจากนั้นยังฝึกให้เฉลียวฉลาด  มีน้ำใจ  และเป็นสุภาพชน  โดยเฉพาะภาคใต้กีฬาพื้นบ้าน

หลายประเภทช่วยให้เกิดการประสานกลมเกลียวระหว่างกลุ่มชนไทยพุทธและไทยมุสลิม  เพราะกีฬาพื้นบ้านส่วนใหญ่ไม่ขัดแย้ง

กับความเชื่อและศาสนา  ครั้นเมื่อกีฬาแบบตะวันตกแพร่หลายเข้ามาสู่ประเทศและมีการกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตร

ในสถานศึกษา  ทำให้เกิดการนิยมยกย่องกีฬาตะวันตกเป็นกีฬาสากล  กีฬาพื้นบ้านต่าง  ๆ  จึงค่อย  ๆ  เสื่อมความนิยมลงไป

ตามลำดับ

         บ้านพอแม็ง  เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ที่ตำบลกายูบอแกะ  อำเภอรามัญ  จังหวัดยะลา  ชุมชนแห่งนี้มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับ

ขนมธรรมเนียมประเพณีต่าง  ๆ  ที่สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นกันมาอย่างยาวนาน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาพื้นบ้านได้ถูกนำมา

ฟื้นฟูและอนุรักษ์ไว้หลายชนิด

         กีฬาพื้นบ้านที่จะขอนำเสนอในกาลนี้คือ  “แฆและตัมปุรง”  เป็นการนำกะลามะพร้าวที่มีอยู่มากมายในชุมชนมาเป็น

อุปกรณ์ในการละเล่น  โดยใช้มือและเท้า  เป็นลีลาท่าทางประกอบการเล่น  ซึ่งเป็นการฝึกพละกำลังและออกกำลังกายไปในตัวด้วย

         คุณตีพะลี  อะตะบู  อายุ  54  ปี  ผู้อาวุโสในชุมชน  เป็นแกนนำในการสืบสานตำนานวัฒนธรรมขนมธรรมเนียม

ประเพณีของชุมชนมาโดยตลอด  เป็นระยะเวลายาวนานเล่าว่า  แฆและตัมปุรงหรือที่ชาวไทยพุทธเรียกว่า  กลิ้งกะลามะพร้าว  

เป็นกีฬาพื้นบ้านภาคใต้ที่เล่นกันในกลุ่มชาวไทยมุสลิมใน  3  จังหวัดชายแดนภาคใต้  กิจกรรมชนิดนี้มีมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย

แล้ว  เมื่อครั้งอยู่ในวันเด็กก็เล่นมาตลอดกระทั่งปัจจุบันก็ยังเล่นอยู่  เนื่องจากในชุมชนมีมะพร้าวมากและมะพร้าวสามารถ

นำไปใช้ประโยชน์ในการทำอาหาร  เมื่อใช้เนื้อและน้ำมะพร้าวแล้ว  ก็จะมีกะลามะพร้าวเป็นเศษวัสดุเหลือใช้  ในอดีตนั้น

เด็กในชุมชนไม่มีของเล่น  จึงนิยมนำวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาใช้เป็นของเล่น  โดยนำเอากะลามะพร้าวที่ใช้งานเรียบร้อยแล้ว

มาขูดให้ลื่นแล้วนำมาตัดด้วยเลื่อยให้เป็นวงหรือที่เรียกว่าห่วง  โดยจะใช้สนามพื้นที่กว้างประมาณ  3  เมตร  ยาวประมาณ  

4  เมตร  ที่เป็นพื้นเรียบ  ซึ่งจะมีกติกาในการเล่น  โดยแบ่งเป็น  3  หมากคือ  

         หมากที่  1  กลิ้งกะลาที่จุดกลิ้งให้โดนกะลาที่ตั้งรับไว้ที่จุดรับ  หากโดนแสดงว่าผ่านหมากที่  1  และผลัดกันเล่น

         หมากที่  2  เมื่อกลิ้งไปโดนกะลาที่ตั้งรับไว้แล้ว  อาจใช้นิ้วเท้ามาคืบกะลาแล้วยกตีกะลาที่ตั้งรับให้โดน  หากโดน

แสดงว่าผ่านหมากที่  2  หลังจากนั้นต้องผลัดกันเล่นโดยจะต้องตั้งต้นเล่นกันใหม่ตั้งแต่หมากที่  1

         หมากที่  3  เมื่อยกตีกะลาด้วยเท้าโดยกะลาแล้วมาตีกะลาที่ตั้งรับ  จับกะลาด้วยมือ  แล้วโยนตัวไปด้านหลัง

หลังจากนั้นจึงตีกะลาที่ตั้งรับ  หากโดนแสดงว่าจบเกมส์  แล้วตาต่อไปก็ต้องผลัดกันเล่น  โดยเริ่มตั้งต้นใหม่จากหมากที่  1

         คุณตีพะลี  เล่าให้ฟังจบแล้วก็ให้คณะกลุ่มกริชจากรามัญสาธิตให้ดูในลานวัฒนธรรม  งานมหกรรมศิลปวัฒนธรรม  

ครั้งที่  11  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ในพิธีเปิดเมื่อวันพุธที่  2  กรกฎาคม  2546  พร้อมกำชับว่า  “เกรงว่า

กีฬาพื้นบ้านชนิดนี้และชนิดอื่น  ๆ  จะสูญหายไป  เพราะปัจจุบันนี้พวกเด็ก  ๆ  หันมาเห่อวัฒนธรรมและกิจกรรมต่าง  ๆ  ที่มาจาก

ภายนอกมากขึ้น  ทั้งที่กีฬาพื้นบ้านนั้นจะแฝงไปด้วยภูมิปัญญาที่น่ายกย่อง  นอกจากจะเป็นสิ่งที่ใช้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่าง

คนในชุมชนเป็นอย่างดีแล้ว  ยังเป็นกุศโลบายที่คนโบราณใช้เป็นจุดดึงดูดให้ชาวไทยพุทธและไทยมุสลิมผสานกลมเกลียวกัน  

โดยจะใช้กิจกรรมดังกล่าวเป็นสื่อกลางในช่วงเทศกาลต่าง  ๆ  เช่น  วันสงกรานต์  งานเมาลิดหรือเทศกาลอื่น  ๆ  ที่มีการนัดหมาย

กันอีกด้วย



                                                                            **********************************

โดย : 192.168.148.54 * [ วันที่ 2005-06-12 10:55:13 ]