: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ข่าวปีที่ 3 ฉบับที่ 12 ประจำเดือน 12 2543
หัวข้อข่าว : คณะหนังตะลุง ม.อ. ปัตตานี กับภารกิจการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมที่ให้สาระและความบันเทิงแก่ผู้คนในภูมิภาค
รายละเอียด :
                     ด้วยความผูกพันในศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น  ความรักในดนตรี  และความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน  ผนวกกับภารกิจหลัก

หนึ่งในสี่ประการของมหาวิทยาลัยคือ  การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม  ทำให้หนังจรัส  ชูชื่น  ศ. พร้อมน้อย  ตะลุงสากล  ก่อตั้งขึ้นและ

แสดงให้ประชาชนในภูมิภาคได้รับสาระและบันเทิงมาตลอด  6  ปี  จนทำให้ผู้คนได้รู้จักคณะหนังตะลุงของมหาวิทยาลัยสงขลา

นครินทร์

         นายหนังจรัส  ชูชื่น  ศ. พร้อมน้อย  ตะลุงสากล  ชื่อจริงคือ  คุณจรัส  ชูชื่น  เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป  ระดับ  8  

เลขานุการคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ได้ฟื้นความหลังให้ฟังว่าจากการ

ที่เป็นคนอำเภอระโนด  จังหวัดสงขลา  ความบันเทิงที่ได้รับในวัยเยาว์เมื่อประมาณ  50  ปีที่ผ่านมา  มีอยู่เพียง  2  อย่างคือ  หนัง

ตะลุงและมโนรา  อาจจะมีหนังกลางแปลงเข้ามาฉายให้ดูบ้างก็นับครั้งได้  วิทยุก็ไม่ค่อยมี  โทรทัศน์นั้นไม่ต้องพูดถึง  เมื่อมารับ

ราชการครั้งแรกที่อำเภอสายบุรี  จังหวัดปัตตานี  ก็ได้พบเพื่อนข้าราชการที่มีภูมิหลังคล้ายคลึงกัน  มีความชอบในหนังตะลุง

เหมือน  ๆ  กัน  ใครมีเครื่องดนตรีอะไรก็หยิบจับมาเล่นกันและได้ฝึกเล่นหนังตะลุงคนเป็นหนังตะลุงนอกรูปแบบ  จากการที่เล่น

สนุกสนานกันเอง  ก็ขยับขยายมาเล่นให้คนดูในโอกาสงานวันครูบ้าง  เล่นที่จวนผู้ว่าราชการจังหวัดบ้าง  กระทั่งในปี  2524

ก็ได้โอนมารับราชการที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  และทราบว่ามหาวิทยาลัยมีภารกิจหลักประการหนึ่งคือ  การทำนุบำรุง

ศิลปวัฒนธรรม  ก็ได้รวมกลุ่มกับบุคลากรในมหาวิทยาลัย  ซึ่งมีคุณเฉลิม  แก้วพิมพ์  เป็นหัวหน้าคณะ  ได้ฝึกเล่นหนังตะลุงอย่าง

เป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้น

         งานแรกที่เล่นเนื่องจากนายอำเภอวินัย  มงคลธาร  นายอำเภอยะรัง  จังหวัดปัตตานี  ขอให้ไปเล่นในงานวันผลไม้

อำเภอยะรัง  ก็มีเพื่อน  ๆ  หัวหน้าส่วนราชการประมาณ  10  คน  มานั่งดูเป็นกำลังใจ  ในขณะที่วงดนตรีลูกทุ่งที่แสดงอยู่ใกล้  ๆ  

มีคนดูอยู่ร่วมพันคน  เล่นหนังได้ประมาณครึ่งชั่วโมง  ก็ทำท่าจะไม่ไหว  ก็พยายามเล่นต่อจนครบ  2  ชั่วโมง  ก็ไม่สามารถเล่น

ต่อไปได้  หลังจากนั้นก็ได้กลับมาคิดว่าเราต้องมีครู  การคิดเอง  ทำเอง  มันไม่เป็นกระบวน  เพราะการเล่นหนังตะลุงเป็นการใช้

ภูมิปัญญาชาวบ้านที่สั่งสมกันมานาน  มีรายละเอียดและความเชื่อ  ตลอดทั้งขนบนิยมมากมาย  กระทั่งว่าโรงหนังตะลุงจะต้อง

ปลูกหันหน้าไปทางทิศไหน  ขึ้นโรงหนังต้องทำอะไร  เบิกโรงทำอย่างไร  ออกฤาษีต้องกล่าวอะไร  ครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นมนต์  

ภายหลังจึงทราบว่านั่นเป็นพระเวทย์  พระเวทย์เป็นโองการที่ขึ้นประโยคด้วย  "โอม"  ถ้าจะเข้าใจให้ละเอียดต้องไปศึกษาจาก

อาถรรพ์พระเวทย์  ในมโนทัศน์ของคนทั่วไปยังเข้าใจว่าเป็นมนต์ฤาษีบทตั้งธรณีสาร  จึงทราบว่าที่เรารู้มาเล่นมานั้นไม่ถูกต้อง  

ไม่ถูกขนบนิยม  ทั้งนี้เพราะเราไม่มีครู  จึงตั้งใจว่าจะต้องศึกษาและต้องมีครู  จนเอาไปฝันว่าหนังกั้น  ทองหล่อ  ศิลปินแห่งชาติ  

จังหวัดสงขลา  มาสอนหนังตะลุงให้ก็รู้สึกดีใจมาก  พอตื่นขึ้นมาก็ตกใจจนเหงื่อแตกคิดว่า  เราจะต้องตายหรือเปล่า  เพราะนาย

หนังกั้นเสียชีวิตไปแล้ว"

         คุณจรัส  ชูชื่น  เล่าต่อไปว่าในปี  2536  กองทัพภาคที่  4  ได้จัดสัมมนาเรื่อง  อาณาจักรศรีวิชัย  โดยมอบหมาย

ให้ตนเองเป็นคนเขียนโครงการและเป็นเลขานุการโครงการ  จัดสัมมนาศิลปินพื้นบ้าน  โดยเชิญหัวหน้าคณะหนังตะลุง  มโนราห์  

และการแสดงพื้นบ้านต่าง  ๆ  จากทั่วภาคใต้  มาสัมมนาที่  ม.อ. ปัตตานี  มีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาถึง  109  คน  ในภาคกลางคืน

ก็มีการนำสาระสำคัญของการสัมมนามาแสดงหนังตะลุง  เพื่อให้ผู้ชมซึมซับความมีคุณธรรมตามยุคศรีวิชัย  ดังคำว่า  "เงินทอง

ของใครทำหล่นไว้ตรงไหน  สามวันสี่วันกลับไปยังอยู่ที่เดิม"

         จากความตั้งใจที่จะสมัครเป็นศิษย์หนังพร้อมน้อยตะลุงสากล  ในระหว่างที่เดินทางไปเชิญศิลปินให้เข้าร่วมสัมมนา

โครงการศรีวิชัย  ก็ได้ขอให้  ผศ. มะเนาะ  และ  รศ. วันเนาว์  ยูเด็น  ที่เดินทางไปด้วยกัน  ได้ฝากให้เป็นศิษย์ของหนังพร้อมน้อย

และหลังจากท่านได้รับเป็นศิษย์แล้ว  ก็ได้กำหนดให้ไปทำพิธีครอบมือตามแบบอย่างหนังตะลุงที่  ห้องอาหารครัวตาหลำ  อำเภอ

เมือง  จังหวัดพัทลุง  ซึ่งที่นี่มีรูปปั้นตาหลำตัวตลกเอกของหนังพร้อมน้อย  จึงทำพิธีครอบมือกันตรงนั้น  หลังจากนั้นท่านได้ให้

ติดตามไปดูท่านเล่นหนังตะลุงบ้าง  นำม้วนเทปหนังตะลุงมาให้ศึกษาบ้าง  สอนการอภิปรายหน้าบท  สอนพระเวทย์ฤาษี  ให้คาถา

เปิดปากรูป  คาถาปลุกรูป  และยังบอกด้วยว่าหากสามารถท่องอิติปิโสถอยหลังได้เมื่อไร  จะสอนความรู้ทุกอย่างให้  หลังจากเริ่ม

เล่นเป็นเรื่องตามแบบแผนในปีแรกเมื่อ  พ.ศ. 2537  ก็ยังไม่กล้าประกาศชื่อว่าเป็นหนังจรัส  ชูชื่น  ยังคงใช้ชื่อว่าหนังมหาวิทยาลัย

สงขลานครินทร์  เพราะยังเจียมตัวและเกรงว่าอาจทำให้อาจารย์เสียชื่อเสียงหากเล่นได้ไม่ดี  จนมีประสบการณ์พอสมควร  อาจารย์

พร้อม  (นายหนังพร้อมน้อยตะลุงสากล)  ก็ให้ไปทำพิธีครอบครู  โดยอาจารย์พร้อมไปปลูกโรงหนังตะลุงที่ตำบลนาปะขอ  อำเภอ

เขาชัยสน  จังหวัดพัทลุง  เป็นที่ที่หนังพร้อมน้อยปลูกโรงหนังตะลุงขึ้นเป็นครั้งแรกในการฝึกเล่นหนังตะลุง  โดยอาจารย์บอกว่า

ที่ตรงนี้เป็นที่ดีที่งอกงาม  แล้วให้ศิษย์ทั้ง  30  คน  ขึ้นไปทำพิธีครอบครูบนโรงหนังตะลุง  และในโอกาสนี้จึงได้ขออนุญาตจาก

อาจารย์  ขอใช้ชื่อว่า  "หนังจรัส  ชูชื่น  ศ. พร้อมน้อย  ตะลุงสากล"  ซึ่งอาจารย์ก็บอกว่าอนุญาต  อาจารย์ได้ติดตามตลอดและทราบ

ว่าพอจะเล่นหนังตะลุงได้แล้ว  อาจารย์พร้อมยังได้สอนว่าการเล่นหนังตะลุงเรื่องอะไร  ต้องรู้ให้จริงในทุกเรื่องที่เล่น  ปัจจุบันหนัง

จรัส  ชูชื่น  ศ. พร้อมน้อย  ตะลุงสากล  เล่นหนังตะลุงตามรูปแบบอย่างถูกต้องมาตลอด  6  ปี  ร่วม  400  ครั้ง  ส่วนใหญ่เป็นการ

เล่นในงานบุญตามวัดต่าง  ๆ  และเป็นการเล่นเพื่อการกุศล  โดยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  มีงบประมาณให้ดำเนินการเฉลี่ยปีละ

แสนบาท  เพื่อใช้เป็นค่าเบี้ยเลี้ยงให้แก่นายหนังตะลุงและลูกคู่  สำหรับรูปหนังตะลุงและเครื่องขยายเสียงนั้น  ได้รับการสนับสนุน

งบประมาณจากคุณธวัชชัย  สัจจกุล  โดยผ่านการติดต่อมาทางคุณอัศวิน  หะวิเกตุ  นายหนังจรัส  ชูชื่น  ศ. พร้อมน้อย  ตะลุงสากล  

กล่าวว่าสิ่งที่เป็นความภาคภูมิใจคือได้แสดงหนังตะลุงคน  ซึ่งเรียกว่าระบำศิลปาชีพหน้าพระที่นั่ง  เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จ

พระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ  และพระบรมวงศานุวงศ์  เสด็จแปรพระราชทานมาประทับ  ณ  พระตำหนัก

ทักษิณราชนิเวศน์  เมื่อปี  พ.ศ. 2529  โดยมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยและหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดปัตตานีร่วมแสดง  โดย

คุณจรัส  ชูชื่น  ได้ทำหน้าที่พากษ์และครั้งล่าสุดได้แสดงให้พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิตติยาภา  ทอดพระเนตรเมื่อวันที่  12  

ธันวาคม  2543  ณ  มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  แสดงในนามผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาในภาคใต้  โดยแสดงหนังตะลุงคนและทราบ

จากผู้ช่วยศาสตราจารย์หม่อมหลวงปาณฑิตย์  ภาณุมาศ  ว่าพระองค์ทรงชมและกล่าวว่าตัวไอ้เท่งที่ไม่ใส่เสื้อ  น่าจะวาดรูปซี่โครง

และรูปสะดือให้เห็นชัด  ๆ  ด้วย  ความภาคภูมิใจประการต่อมาคือ  ได้นำความบันเทิงไปสู่ประชาชนในภูมิภาคด้วยการเล่นหนังตะลุง

การกุศลตามสถานที่ต่าง  ๆ  และยังได้สอดแทรกสาระความรู้ที่เหมาะกับกลุ่มผู้ชมและที่ขาดไม่ได้คือ  การประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย

สงขลานครินทร์  ประชาสัมพันธ์สถาบันวัฒนธรรมศึกษากัลยาณิวัฒนา  ที่เป็นหน่วยงานที่คณะหนังตะลุง  อาจารย์จรัส  สังกัดอยู่

         นายหนังจรัสกล่าวต่อไปว่า  คงจะเล่นหนังตะลุงให้กับมหาวิทยาลัยพร้อมกับปฏิบัติงานในหน้าที่ประจำไปจนเกษียณอายุ

ราชการ  ถึงแม้จะมีความรักในหนังตะลุงจนเข้าถึงจิตวิญญาณ  ก็อาจจะต้องหยุดเล่น  เพราะการจะสร้างอุปกรณ์  เครื่องไม้เครื่องมือขึ้น

มาเองนั้น  ต้องใช้งบประมาณสูงมาก  สิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้ก็คือ  หากจะส่งเสริมหนังตะลุงให้คงอยู่  ก็สามารถทำได้ด้วยการช่วยกัน

ไปดูไปชมการแสดงหนังตะลุงที่มาแสดงใกล้บ้าน  ช่วยตรงนี้ได้ก็ถือว่าเป็นการช่วยอนุรักษ์  ส่งเสริมหนังตะลุงแล้ว  หนังตะลุงไม่ว่า

คณะไหนถ้าแสดงแล้วไม่มีคนดู  สุดท้ายแล้วก็ต้องยุติบทบาท  ต่อไปก็จะเหลือแต่เพียงตำราไว้ให้เรียนเท่านั้น



                                                                                        ******************



โดย : 203.154.179.21 * [ วันที่ 2001-07-07 14:57:35 ]