: : : รายละเอียดข่าว : : :

ข่าว ปีที่ :ฉบับที่ /1 ประจำเดือน 2/ 2541
หัวข้อข่าว : คณะนักวิจัย ม.อ. ปัตตานี ศึกษาปัญหาอ่าวปัตตานีระยะที่ 2 พบว่าควรเร่งป้องกันก่อนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
รายละเอียด :
ฉบับที่  078/2541                                                                                  14  ธันวาคม  2541

         คณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ระดมนักวิชาการศึกษาปัญหาอ่าวปัตตานี
ระยะที่  2  พบว่าอ่าวปัตตานีมีความเสื่อมลง  วอนรัฐและผู้เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดูแลและแก้ไขก่อนเข้าสู่ภาวะวิกฤติ
         อ่าวปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดปัตตานี  มีเนื้อที่  74  ตารางกิโลเมตร  ซึ่งเป็นแหล่งรองรับน้ำและสิ่งปนเปื้อนมากับ
น้ำจากลำน้ำสายเล็ก  ๆ  ตลอดชายฝั่งและจากแม่น้ำสองสายคือ  แม่น้ำปัตตานีและแม่น้ำยะหริ่ง  โดยสภาพธรรมชาติอ่าวปัตตานีเป็นแหล่ง
ที่อุดมสมบูรณ์  มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงเช่น  มีสัตว์น้ำและพืชทะเลโดยเฉพาะสาหร่ายผมนาง  มีนกน้ำเข้ามาอาศัยบริเวณอ่าว
ปัตตานี  จนองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติ  (International  Union  for  Conserva-
tion  of  Nature  and  National  Resources)  ได้ประกาศให้อ่าวปัตตานีเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่สำคัญของเอเซียแสดงให้เห็นถึง
ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางชีวภาพ
         นายแวอาแซ   แวหามะ  คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี  กล่าวว่า
ตั้งแต่ปี  2526  เป็นต้นมามีข้อสังเกตว่าความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวปัตตานี  มีแนวโน้มเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว  นับตั้งแต่มีการใช้อวนรุน
อวนลาก  มีโรงงานอุตสาหกรรมประเภทต่าง  ๆ  จนได้รับเป็นเขตอุตสาหกรรมพิเศษ  การขยายท่าเทียบเรือเพื่อรองรับเรือประมงและ
การขยายตัวของนากุ้งและการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง  อ่าวปัตตานีจึงกลายเป็นแหล่งรองรับน้ำและบ่อบำบัดน้ำตามธรรมชาติ  แต่คงมีศักยภาพ
เป็นบ่อบำบัดได้เพียงระดับหนึ่ง  ถ้าไม่มีการเฝ้าระวังและการจัดการที่ดีเพื่อการรักษาอ่าวปัตตานีให้คงสภาพเดิม  ก็จะมีผลเสียด้านนิเวศน์
และต่อผู้มีอาชีพการประมง  รวมทั้งธุรกิจนากุ้งและอุตสาหกรรมทุกประเภท  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลา-
นครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  ตระหนักในเรื่องดังกล่าวจึงได้ศึกษาวิจัยอ่าวปัตตานีระยะที่  1  ตั้งแต่ปี  2532 - 2533  เพื่อศึกษาข้อมูล
พื้นฐานของอ่าวปัตตานี  4  ด้าน  ได้แก่  สภาพภูมิอากาศจังหวัดปัตตานี  คุณสมบัติและการเคลื่อนย้ายตะกอนบางบริเวณในอ่าวปัตตานี  
ลักษณะเฉพาะของน้ำในอ่าวปัตตานี  และทรัพยากรทางชีวภาพของอ่าวปัตตานี  โดยเน้นแพลงก์ตอน  สาหร่าย  พืชน้ำและไม้ชายเลน  
และโครงการวิจัยอ่าวปัตตานีระยะที่  2  ระหว่างปี  2534 เป็นต้นมานั้น  ศึกษาเรื่องการติดตามการเปลี่ยนแปลงคุณภาพของสิ่งแวดล้อม
และการประเมินสภาวะเป็นพิษของสิ่งมีชีวิตในอ่าวปัตตานี  และการสำรวจเพื่อติดตามข้อมูลพื้นฐานทางชีววิทยาและสิ่งแวดล้อมบริเวณ
อ่าวปัตตานี  แบ่งได้  4  ประเด็นคือ  สภาพภูมิอากาศของจังหวัดปัตตานี  คุณภาพน้ำทางกายภาพ  ทางเคมี  และทางชีวภาพ  การปน
เปื้อนโลหะหนักบางชนิดในน้ำในตะกอนดินและในพืชทะเลขนาดใหญ่  และทรัพยากรทางชีวภาพ
         นางสาวปรียา   วิริยานนท์  หัวหน้าโครงการวิจัยอ่าวปัตตานี  ระยะที่  2  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัย
สงขลานครินทร์  วิทยาเขตปัตตานี  เปิดเผยถึงโครงการวิจัยอ่าวปัตตานี  ระยะที่  2  ว่าสภาพภูมิอากาศของจังหวัดปัตตานีมีการเปลี่ยน
แปลงในช่วงเวลา  20  ปีที่ผ่านมา  จากแบบมรสุมเขตร้อนมาเป็นแบบทุ่งหญ้าสะวันนาคือ  มีฤดูฝนและฤดูแล้งสลับกันอย่างเห็นได้ชัด  
แต่พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการวิจัยอ่าวปัตตานี  ระยะที่  1  จะไม่มีความแตกต่างมากนัก  ซึ่งแสดงว่าอ่าวปัตตานียังเป็นแหล่ง
บำบัดน้ำตามธรรมชาติได้  แต่อย่างไรก็ตามอ่าวปัตตานีคงมีความสมบูรณ์ในระดับหนึ่งเท่านั้น  เนื่องจากมีการขยายตัวของกิจกรรม
ต่าง  ๆ  รอบอ่าวปัตตานีเช่น  โรงงานอุตสาหกรรม  นากุ้ง  ท่าเทียบเรือ  และแหล่งชุมชนที่มีการระบายน้ำเสียน้ำใช้ลงสู่แม่น้ำและอ่าว
ปัตตานี  ซึ่งทำให้พบจุลินทรีย์และแบคทีเรียโคลิฟอร์มกระจายอยู่ในน้ำ  โดยพบมากในแม่น้ำปัตตานี  พบการปนเปื้อนของโลหะหนัก
บางชนิด  ได้แก่  ทองแดง  สังกะสี  แคตเมียม  และตะกั่วเป็นปริมาณน้อยในน้ำ  แต่พบเป็นปริมาณสูงในตะกอนดินและในพืชทะเล
ขนาดใหญ่ที่เก็บจากอ่าวปัตตานี  ในขณะที่ทรัพยากรทางชีวภาพคือ  สาหร่ายผมนาง  (สาหร่ายวุ้น)  และหญ้าทะเล  ในบางพื้นที่มี
ปริมาณลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับผลการศึกษาในโครงการวิจัย  ระยะที่  1  สิ่งที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้บ่งบอกถึงความเสื่อมลงของอ่าว
ปัตตานี  ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้าไปดูแลและศึกษา  เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขไม่ให้อ่าวปัตตานีเสื่อมลงจนถึงขั้นวิกฤติ
         หัวหน้าโครงการวิจัยอ่าวปัตตานี  ระยะที่  2  คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์  วิทยาเขต
ปัตตานี  กล่าวถึงข้อเสนอแนะจากการวิจัยอ่าวปัตตานี  ระยะที่  2  ว่าจากการวิจัยครั้งนี้พบว่าบริเวณโดยรอบในอ่าวปัตตานี  ยังคงสภาพ
ความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ  และมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างในบางพื้นที่  ผลการศึกษาที่ได้จะเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับการศึกษาในระดับ
การประเมินความเสี่ยงของประชากรพืชและสัตว์น้ำในอ่าวปัตตานีต่อภาวะมลพิษ  ตลอดจนการศึกษาผลกระทบของกิจกรรมของมนุษย์
และวัฒนธรรมในการใช้ทรัพยากรของชุมชนโดยรอบอ่าวต่อระบบนิเวศน์ในอ่าวปัตตานีและบริเวณใกล้เคียง
         เป็นที่น่าสังเกตว่าแม่น้ำปัตตานีในบางพื้นที่จะมีการปนเปื้อนของโลหะหนักเช่น  ทองแดง  สังกะสี  แคตเมียม  และตะกั่ว  
ในระดับค่อนข้างสูงเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีความหนาแน่นของชุมชน  โรงงานอุตสาหกรรม  สะพานปลา  และท่าเทียบเรือ  ซึ่งเป็น
กิจกรรมที่ส่งผลให้อ่าวปัตตานีมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดมลพิษ  หากไม่มีการควบคุมและประเมินผลกระทบเป็นประจำจากหน่วยงาน
ของภาครัฐและเอกชน  อ่าวปัตตานีจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติได้  ดังนั้นจึงควรเร่งแก้ไขและให้มีนโยบายที่เหมาะสมในการพัฒนาและอนุรักษ์
สภาพพื้นที่บริเวณอ่าวปัตตานีให้คงความสมบูรณ์และความหลากหลายทางชีวภาพตลอดไป

                                                                                   *******************








โดย : 203.154.179.22 * [ วันที่ 2001-01-28 13:00:54 ]